ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานการสร้างโลกและน้ำท่วมโลก ของจีน  (อ่าน 5436 ครั้ง)

ออนไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3726

         ความรู้เกี่ยวกับตำนานที่ว่าด้วยการสร้างจักรวาลและโลก จะพบได้ทั่วไปไม่เพียงแต่ในชาติที่มีอารยธรรมเท่านั้น ส่วนมากจะเริ่มต้นด้วยการสร้างธรรมชาติก่อน แล้วจึงตามมาด้วยการสร้างเทพเจ้าและมนุษย์ ในปัจจุบันโลกยังเล่าขานตำนานการสร้างโลกและมนุษย์ ในปัจจุบันโลกยังเล่าขานตำนานการสร้างโลกและมนุษย์ตามความเชื่อของชนชาติต่าง ๆ

การสร้างโลกตามตำนานจีน

        ในตอนแรกมีแต่ความสับสนมืดมิดในจักรวาลในรูปของไข่ผานกู่ (Pangu) สิ่งมีชีวิตสิ่งแรกถือกำเนิดขึ้นมาและหลับอยู่ในไข่ฟองนี้ หลายปีผ่านไป ผานกู่เติบโตขึ้นกลายเป็นยักษ์ เมื่อเขาบิดตัวไข่จึงแตกกระจาย ส่วนที่เบาและบริสุทธิ์กว่าลอยขึ้นไปกลายเป็นท้องฟ้า ส่วนที่หนักกว่าและไม่บริสุทธิ์ตกลงมากลายเป็นโลก นี่คือกำเนิดของพลังหยิน (Yin) และหยาง (Yang) ธาตุหญิงคือ หยิน สัมพันธ์กับความหนาวเย็นและความมืด ธาตุชายคือ หยาง สัมพันธ์กับแสงสว่างและความอบอุ่น ดวงอาทิตย์และสวรรค์ ผานกู่กลัวว่าท้องฟ้าและแผ่นดินจะรวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง จึงเอาตัวเข้าไปแทรกระหว่างกลาง โดยใช้ศีรษะรองรับท้องฟ้าและใช้เท้ากดแผ่นดินไว้ ในเวลา ๑๘,๐๐๐ ปี ผานกู่สูงขึ้น ๑๐ ฟุตต่อวัน ทำให้ระยะห่างระหว่างท้องฟ้าและโลกเพิ่มขึ้น จนในที่สุดไปหยุดอยู่ที่ ๓๐,๐๐๐ ไมล์ แล้วผานกู่ก็หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนและเสียชีวิตลง ส่วนต่าง ๆ ของร่างของเขากลายเป็นส่วนต่าง ๆ ของธรรมชาติ ลมหายใจเป็นลมและเมฆ เสียงเป็นฟ้าร้องและฟ้าผ่า ตาซ้ายเป็นดวงอาทิตย์ ตาขวาเป็นดวงจันทร์ ขา แขน และท่อนตัวเป็นทิศทั้ง ๔ และภูเขาใหญ่ทั้ง ๕ เลือดและน้ำเหลืองเป็นแม่น้ำและทะเล เส้นเอ็นเป็นถนนหนทาง เนื่องเป็นทองทุ่งและดิน เส้นผมและขนคิ้วเป็นดวงดาวและดาวเคราะห์ ผิวหนังและขนตามตัวเป็นหญ้าและดอกไม้ ฟันและกระดูกเป็นหยก ฝนและน้ำค้างเกิดจากเหงื่อ และพวกเห็บที่เกาะอยู่บนตัวเกิดเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ

        จะเห็นได้ว่าแทบทุกชาติเชื้อว่ามีพระเจ้าหรือเทพเจ้า ไม่ว่าจะเป็นองค์เดียวหรือหลายองค์ก็ตาม เป็นผู้สร้างโลกจากความเวิ้งว้างว่างเปล่า และพระเจ้าหรือเทพเจ้าองแรกนั้นถือกำเนิดเองไม่มีใครสร้าง ดูจะใกล้เคียงกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยการเกิดโลกในปัจจุบันที่ว่าแต่แรกนั้นมีกลุ่มหมอกเพลิงลอยคว้างอยู่ เมื่อมวลสารนี้เย็นลงก็แตกตัวกลายเป็นดาวฤกษ์ดาวพระเคราะห์ต่าง ๆ

น้ำท่วมโลกในตำนานจีน

        ตำนานจีน เจ้าแห่งสวรรค์คือเทียนเฉิน (Tien ? Shen) ที่ไทยเรียกว่า เง็กเซียนฮ่องเต้ ได้ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในโลกเพื่อลงโทษมนุษย์ที่ชั่วร้ายผู้คนต้องไปซ่อนตัวตามภูเขา แย่งอาหารและที่อยู่กับสัตว์ร้าย ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมาน มีเทพเจ้าเพียงองค์เดียวในสวรรค์คือกุน (Gun) ซึ่งมีเมตตาต่อมนุษยชาติและรู้สึกว่าการลงโทษนี้รุนแรงเกินไปจึงขอร้องให้เง็กเซียนฮ่องเต้ทำให้น้ำลด แต่ไม่เป็นผลวันหนึ่งกุนไปพบนกฮูกและเต่าโดยบังเอิญ และเล่าปัญหาของเขาให้ฟัง สัตว์ทั้งสองแนะนำว่าเง็กเซียนมีวัตถุกายสิทธิ์ซึ่งดูเหมือนก้อนดินธรรมดา หากกุนสามารถเอาวัตถุนี้โยนลงไปในน้ำ มันจะขยายตัวกลายเป็นเขื่อนกั้นน้ำได้ ซึ่งกุนก็ฝ่าฟันอุปสรรคหาดินนี้มาได้ก้อนหนึ่งแล้วจึงลงไปยังโลกมนุษย์โยนก้อนดินลงไปในน้ำ ทันใดนั้นดินก็เริ่มโก่งตัวขึ้นไม่ช้าก็กลายเป็นภูเขากั้นน้ำเอาไว้ น้ำจึงแห้งสนิทเหล่ามนุษย์พากันปีติยินดี แต่เง็กเซียนโกรธมากจึงส่งเทพแห่งไฟลงมาฆ่ากุน แล้วนำดินที่เหลือกลับไปสวรรค์ น้ำจึงท่วมโลกอีกครั้งหนึ่ง แม้กุนจะถูกฆ่าแต่วิญญาณของเขายังอยู่เพื่อทำภารกิจให้เสร็จสิ้นมีชีวิตใหม่เกิดขึ้นในร่างของเขา หลังจากเวลาผ่านไป 3 ปี โดยที่มนุษย์ที่เศร้าโศกคิดถึงกุนเฝ้าระวังร่างของเขาอยู่ เง็กเซียนก็ส่งเทวดาถือดาบลงมาเพื่อทำลายร่างของกุน เมื่อคมดาบต้องร่างของเขามังกรร้ายก็โผล่ออกมา มังกรนี้คือ กู่ (Gu) ผู้เป็นลูกของกุนนั่นเอง กู่ได้สานต่อภารกิจของบิดาจนสำเร็จและสามารถควบคุมน้ำท่วมได้ ตัวกู่เองกลายเป็นมังกรเหลืองและลงไปอยู่ที่ก้นทะเล

        จะเห็นได้ว่า สาเหตุส่วนใหญ่ของน้ำท่วมโลกเนื่องมาจากความชั่วร้ายของมนุษย์ หรือเทพเจ้าต้องการทำลายล้างมนุษย์ แต่ก็มีคนดีจำนวนหนึ่งที่จะรอดจากมหาภัยนั้นและเป็นผู้สืบเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อไปโยที่เขาได้รับการเตือนล่วงหน้าให้เตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผู้ที่เตือนอาจเป็นพระเจ้า เทพเจ้า หรือสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ จำนวนวันที่ฝนตกก็จะแตกต่างกันไปแต่ละชาติ จะมีตำนานอินเดียที่ค่อนข้างจะแปลกไปตรงที่สาเหตุที่น้ำท่วมไม่ได้เกิดจากความชั่วร้ายของมนุษย์ ตำนานที่เกี่ยวกับน้ำท่วมใหญ่นี้อาจมาจากข้อเท็จจริงที่ว่ากระแสน้ำและพายุฝนอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้นได้ในท้องที่บางแห่งโดยเฉพาะในที่ลุ่ม สามารถทำลายชีวิตและทรัพย์สินได้ในเวลาอันรวดเร็ว และส่วนใหญ่ผู้คนในสมัยโบราณก็จะตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้แม่น้ำซึ่งสะดวกต่อการคมนาคม

        การสิ้นโลกนี้ มีความเชื่อมาแต่โบราณว่าโลกเสื่อมลงตามลำดับ นาน ๆ ทีก็ต้องมีการชำระล้างสร้างใหม่กันเสียที ตำนานที่เกี่ยวกับการสิ้นโลกนี้แพร่หลายทั่วไป บางครั้งกลายเป็นส่วนหนึ่งของศาสนา

หนังสือสกุลไทย ปีที่ ๕๔ ฉบับที่ ๒๗๘๐
ประจำวันอังคารที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๑
ห้องสมุดสกุลไทย ความเชื่อ หน้า ๑๓๔ - ๑๓๕



ที่มา  :  http://www.thaienv.com/content/view/609/39/