ผู้เขียน หัวข้อ: ?พ่อหลวง ร.9? ถอดถุงพระบาทเก่า-ยางยืดขาด ประทับรอยพระบาทบนดอยพญาพิภักดิ์  (อ่าน 2255 ครั้ง)

ออนไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3726



       เชียงราย - เปิดบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ?พ่อหลวง รัชกาลที่ ๙? พระราชทาน ?รอยพระบาท? หน้าห้องยุทธการฐานทหาร ?ดอยพญาพิภักดิ์ เชียงราย? สองสามี-ภรรยาเถ้าแก่ร้านอะลูมิเนียม ผู้ถวายกระบะแก้ว-ปูนปลาสเตอร์ บอกเห็นกับตา ?ถุงพระบาททั้งเก่า และยางยืดขาด?
       
       รายงานข่าวแจ้งว่า อีกหนึ่งพระราชกรณียกิจ ?พ่อหลวง รัชกาลที่ ๙? ที่ประทับตราตรึงใจพสกนิกรชาวเชียงราย และชาวไทยทั้งประเทศ คือเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อคราว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยือนทหารและราษฎรช่วงที่มีการต่อสู้ระหว่างทางการไทยกับคอมมิวนิสต์ และพระราชทานรอยพระบาทแก่ทหารกองพันทหารราบที่ 473 ณ ฐานปฏิบัติการดอยพญาพิภักดิ์ อ.ขุนตาล จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2525 ซึ่งขณะนี้ ?รอยพระบาท? ประดิษฐาน ณ ร.17 พัน.3 ในพระองค์ฯ ค่ายเม็งรายมหาราช
       
       นายสนธยา แสงอรุณ และ น.ส.พิมพา ชินเมธีพิทักษ์ สองสามี-ภรรยา อายุ 70 ปี เจ้าของร้าน ?พิทักษ์อลูมิเนียม? เลขที่ 1/9 ม.13 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย ที่อยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์คราวนั้นด้วย บอกว่า นับเป็นเวลาประมาณ 35 ปีแล้วที่เราทั้งสองคนได้มีโอกาสสำคัญในชีวิตแบบไม่มีวันลืม โดยครั้งนั้นหลังจากพวกตนได้รับเลือกจากหน่วยทหารที่รู้จักกันมานาน และปรึกษาหารือกันมาตลอด ให้เตรียมการสำหรับการขอพระราชทานประทับรอยพระบาท
       
       นายสนธยาเล่าว่า ตอนนั้นตนใช้เวลา 3 วัน นำแก้วกว้างเกือบ 1 ฟุต และยาว 1 ฟุตกว่ามาตัดทำเป็นกระบะ ติดด้วยซิลิโคน จากนั้นได้ซื้อปูนปลาสเตอร์มา 2 ถุง ถุงละ 25 กิโลกรัม เตรียมไฟฉายชนิดวาง ซึ่งปัจจุบันยังเก็บเอาไว้หน้าภาพ รวมทั้งไปหาซื้อกล้องถ่ายภาพ พร้อมฟิล์ม 2 ม้วน
       
       เมื่อได้เข้าไปถวายงาน ตนทำหน้าที่ถ่ายภาพ ซึ่งยืนได้มุมเดียวคือ ด้านหน้า จึงถ่ายภาพจนหมดม้วนจำนวน 72 ภาพ ซึ่ง พ.ท.วิโรจน์ ทองมิตร ผู้บังคับหน่วยทหารที่ประจำอยู่ที่ดอยพญาพิภักดิ์ (ยศและตำแหน่งขณะนั้น) ได้ขอฟิล์มไปจำนวนหนึ่ง และตนเก็บรักษาเอาไว้จำนวนหนึ่ง ปัจจุบันยังเก็บรักษาไว้อย่างดีเพราะยังคงรำลึกได้ถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
       
       ด้าน น.ส.พิมพา ภรรยา ที่มีภาพปรากฏในบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย บอกว่า ตนยังคงรำลึกได้ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เสื่อมคลาย เราสองคนเป็นเพียงราษฎรที่ประกอบธุรกิจเล็กๆ แต่ได้มีโอกาสรู้จักกับนายทหาร เมื่อทราบว่า พ.ท.วิโรจน์ประสงค์จะขอพระราชทานรอยพระบาท จึงให้คำแนะนำเรื่องการใช้ปูนปลาสเตอร์ดังกล่าว ต่อมาพวกตนก็ได้รับหน้าที่ให้จัดเตรียมอุปกรณ์ดำเนินการทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้อยู่นอกหมายกำหนดการ เราจึงต้องเตรียมตัวกันอย่างดี
       
       เมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินด้วยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปถึงฐานปฏิบัติการดังกล่าว ได้ทรงเยี่ยมราษฎรผู้พัฒนาชาติไทย โดยทรงคุกพระชงฆ์ใกล้ชิด กระทั่งเวลา 19.49 น.ทาง พ.ท.วิโรจน์ได้ขอพระราชทานประทับรอยพระบาทหน้าห้องยุทธการ ซึ่งทรงมีพระมหากรุณาธิคุณประทับให้ทันที จากนั้นพวกตนก็เข้าไปดำเนินการทันที เพราะช่วงนั้นเริ่มค่ำแล้ว และเสด็จพระราชดำเนินทางเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งด้วย
       
       น.ส.พิมพากล่าวอีกว่า ตนทำหน้าที่ยื่นน้ำให้ พ.ท.วิโรจน์ เพราะต้องผสมปูนและน้ำ รวมทั้งทาน้ำมันมะกอกก่อนจะพระราชทานประทับรอยพระบาทดังกล่าว และช่วงที่ทรงถอดรองพระบาทออกนั้น พวกเราสังเกตเห็นว่า ?ถุงพระบาทที่ทรงใช้เก่าและยางยืดขาดหมดแล้ว? จึงทราบว่าในหลวงทรงตรากตรำพระราชกรณียกิจ และทรงประหยัดมัธยัสถ์มาก ซึ่งก็เป็นแบบอย่างให้แก่พวกเรามาจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อทั้งเหล่าทหารและราษฎรที่ไปเข้าเฝ้าฯ ในครั้งนั้น
       
       ?เราอยากให้เรื่องราวเหล่านี้ได้รับการบอกเล่าสู่คนรุ่นหลังๆ ให้ได้รับทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงของเราตลอดไป?
       
       ทั้งนี้ ปัจจุบันสองสามีภรรยายังคงเก็บรักษาภาพถ่ายเหตุการณ์สำคัญที่ได้บันทึกเอาไว้ ทั้งภาพที่นำไปขยายเพื่อเอาไว้กราบไหว้เป็นประจำ และภาพในอัลบั้ม รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ไฟฉาย ฯลฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล

ที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000104889