ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมเนียมราชตระกูล ว่าด้วยเรื่องสกุลยศเจ้านาย  (อ่าน 3059 ครั้ง)

ออนไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3726
   สกุลยศ คือ ยศที่เจ้านายในราชตระกูลได้มาตั้งแต่เกิด ซึ่งบรรดาผู้ที่เกิดในราชตระกูลจะเป็นราชบุตร ราชธิดา หรือราชนัดดาก็ตาม ย่อมเรียกว่า "เจ้า" อันคำว่าเจ้านี้เป็นคำที่ถือว่าเป็นเกียรติยศของราชตระกูลมาตั้งแต่โบราณ โดยในราชอาณาจักรไทยได้มีการลำดับชั้นสกุลยศของเจ้านาย แบ่งออกเป็น 6 ชั้น ดังนี้
   ชั้นที่ 1 คือ สมเด็จหน่อพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นพระบรมราชโอรสพระองค์ใหญ่ อันเกิดจากสมเด็จพระอัครมเหสี
   ชั้นที่ 2 คือ เจ้าฟ้า เป็นเจ้าที่มีราชสกุลยศชั้นสูง ซึ่งแต่เดิมคำว่าเจ้าฟ้านี้ชาวเมืองไทยใหญ่ใช้เรียกกษัตริย์ของตน โดยปรากฏพระยศเจ้าฟ้าในสยามประเทศครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2111 ครั้งพระเจ้าบุเรงนองเอาแบบอย่างประเทศราชไทยใหญ่ มาตั้งสมเด็จพระมหาธรรมราชาเมื่อครั้งครองเมืองพิษณุโลกว่า "เจ้าฟ้าสองแคว" ต่อมาในแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรถ จึงได้นำคำว่าเจ้าฟ้านี้มาใช้เป็นสกุลยศสำหรับพระราชกุมาร โดยพระยศเจ้าฟ้านี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
   ประเภทที่ 1 เจ้าฟ้าชั้นเอก คือพระเจ้าลูกเธอ อันเกิดจากสมเด็จพระอัครมเหสีหรือพระราชมารดาที่ทรงเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าแผ่นดิน เรียกเจ้าฟ้าชั้นนี้ว่า "ทูลกระหม่อม" เช่น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งชาววังขานพระนามพระองค์ว่า ทูลกระหม่อมน้อย เนื่องจากทรงเป็นพระราชธิดาอันเกิดจากสมเด็จพระอัครมเหสี(พระบรมราชินีนาถ)
   ประเภทที่ 2 เจ้าฟ้าชั้นโท คือพระเจ้าลูกเธอ อันเกิดจากพระราชมารดาที่เป็นหลานหลวง(หลานของพระเจ้าแผ่นดินโดยตรง) หรือพระราชมารดาเป็นพระองค์เจ้า เรียกเจ้าฟ้าชั้นนี้ว่า "สมเด็จ" เช่น สมเด็จพระเจ้าภคนีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงเป็นพระราชธิดาในรัชกาลที่ 6 ซึ่งเกิดจาก พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี
   ชั้นที่ 3 คือผู้ดำรงราชสกุลยศรองลงมาจากเจ้าฟ้าเป็น "พระองค์เจ้า" โดยพระองค์เจ้าแบ่งออกเป็น 3 ลำดับชั้น คือ
   ลำดับที่ 1 พระราชบุตร พระราชบุตรี ของพระเจ้าแผ่นดิน อันเกิดจากเจ้าจอมมารดาหรือพระสนม ตรงกับที่เรียกในกฎมณเฑียรบาลว่า "พระเยาวราช" เช่น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาตลับ
   ลำดับที่ 2 พระบุตร พระบุตรี ของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลฝ่ายหน้า (ปัจจุบันไม่มีตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลแล้ว)
   ลำดับที่ 3 พระบุตร พระบุตรี ของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุขฝ่ายหลัง อันเกิดจากบาทบริจาริกา (ปัจจุบันไม่มีตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานพิมุขแล้ว)
   ลำดับที่ 4 คือพระราชนัดดา ซึ่งเป็นพระบุตร พระบุตรี ของเจ้าฟ้า เจ้าต่างกรม หรือพระองค์เจ้า ที่มีพระมารดาเป็นพระองค์เจ้า ลูกก็เป็นพระองค์เจ้า เช่น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระธิดาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
   ลำดับที่ 5 หม่อมเจ้าซึ่งเป็นพระบุตร พระบุตรีของเจ้าต่างกรม หรือพระองค์เจ้าซึ่งเป็นองค์ใหญ่หรือได้รับราชการมามาก หรือเป็นที่คุ้นเคยในพระเจ้าแผ่นดิน ก็ทรงยกขึ้นเป็นพระองค์เจ้า เช่น หม่อมเจ้าอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 พระโอรสในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ กับหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (พระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีในรัชกาลปัจจุบัน) ในสมัยรัชกาลที่ 7 ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล
   ชั้นที่ 4 ราชสกุลยศรองลงมาจากพระองค์เจ้าคือ หม่อมเจ้า ผู้ซึ่งมีพระบิดาเป็นเจ้าฟ้าหรือพระองค์เจ้า แต่พระมารดามิได้เป็นเจ้า และพระบุตร พระบุตรีของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข(ปัจจุบันไม่มีตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานพิมุขแล้ว) ซึ่งมิได้เกิดด้วยบาทบริจาริกา เช่น หม่อมเจ้าสิริวรรณวดี มหิดล พระธิดาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร กับหม่อมสุจาริณี
   ชั้นที่ 5 หม่อมราชวงศ์ เป็นลูกของหม่อมเจ้า  เป็นคำที่เพิ่งใช้กับราชการเมื่อสมัยรัชกาลที่ 4
   ชั้นที่ 6 หม่อมหลวง เป็นลูกของหม่อมราชวงศ์ แต่เดิมตามประกาศในสมัยรัชกาลที่ 4 หม่อมหลวงเป็นชั้นเดียวกับหม่อมราชวงศ์ ถึงรัชกาลที่ 5 จึงโปรดให้ลดลงมาใช้เรียกบุตรหม่อมราชวงศ์ โดยราชสกุลยศนี้นับหม่อมหลวงเป็นที่สุด

ข้อมูลจาก...หนังสือธรรมเนียมราชตระกูลในกรุงสยาม, หนังสือเฉลิมพระยศเจ้านาย 2546
เรียบเรียงโดย แก้ว ณ net