ผู้เขียน หัวข้อ: เครื่องมือเทคโนโลยีขั้นสูง ตอบโจทย์การศึกษาโลกในอนาคต  (อ่าน 1688 ครั้ง)

ออนไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3726
กาลเวลาที่เปลี่ยนไปส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อรูปแบบการเรียนรู้ "ประชาชาติธุรกิจ" จึงสรุปแนวโน้มเทรนด์การศึกษาโลกในปี 2016 จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ

ยิ่งเฉพาะ "แบรนดอน ฮาร์ดี" จาก mobilemini.com ระบุว่า มีโรงเรียนมากมายในโลกให้ความสำคัญกับการพัฒนาการศึกษาอย่างเหมาะสมกับปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นแก่นักเรียน โดยในปี 2016 ประเด็นที่เกี่ยวกับการศึกษามีแนวโน้มที่ให้ความสำคัญมากขึ้น ดังนี้

    หนึ่ง ติดตามความสำเร็จของนักเรียนมากขึ้น - ถึงแม้การประเมินเป็นงานที่ยาก แต่มีความสำคัญ และความถูกต้องแม่นยำในการประเมินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเป็นตัวพิสูจน์ความสำเร็จของกลยุทธ์ในการสอนของครู โดยเฉพาะในสภาวะที่ต้นทุนลดลง และห้องเรียนมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงทำให้ครูผู้สอนจำเป็นต้องค้นหาวิธีสอนที่สามารถพัฒนาศักยภาพของนักเรียนให้ดีที่สุด

    สองให้ความสำคัญกับประสบการณ์การเรียนรู้รายบุคคล- นักเรียนแต่ละคนดูดซับข้อมูลในลักษณะต่างกัน เป็นเหตุผลให้ครูผู้สอนจำเป็นต้องใช้เทคนิคที่หลากหลายในการสอนแต่ละครั้ง

    สาม การเรียนรู้กลับด้าน (Flipped Learning) - เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ต่างจากแบบดั้งเดิม ที่ให้นักเรียนเข้าห้องเรียนเพื่อรับการบรรยาย และกลับบ้านเพื่อทำการบ้าน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาบอกว่า การศึกษาแบบเรียนรู้กลับด้านมุ่งเน้นไปที่การทำงานร่วมกันระหว่างนักเรียน

    เพราะนักเรียนจะใช้เวลาที่บ้าน อ่าน เตรียมตัวบทเรียนสำหรับวันถัดไป ดังนั้นเมื่อมาโรงเรียน จะทำให้นักเรียนนำความรู้ที่เตรียมตัวมา มาเสนอแนะที่สอดคล้องกันแก่ครูผู้สอน ทั้งยังช่วยให้ครูมีกิจกรรมซับซ้อนมากขึ้นในชั้นเรียน ที่ส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างนักศึกษา

    สี่ การใช้เทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวก และการเข้าถึงการเรียนรู้มากขึ้น - ในปี 2016 เทคโนโลยีจะช่วยสร้างความสามารถแตกต่างจากปีที่แล้วให้แก่นักเรียน และยังช่วยส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถสร้างการเรียนรู้เชิงลึก และบูรณาการการเรียนการสอนแบบใหม่เข้ากับแบบดั้งเดิม

ขณะที่ "โรเจอร์ ริดเดล" Associate Editor ของ Industry Dive ระบุใน educationdive.com ถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษาต่อจากนี้ มีดังนี้

    หนึ่ง การเพิ่มขึ้นของการเรียนการสอนแบบออนไลน์ หลายปีผ่านมามีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาหลายแห่งวิตกกังวลจากผลกระทบที่ผู้เรียนให้ความสนใจใน MOOCs หรือ Massive Open Online Course มากขึ้น

    ซึ่งเป็นการเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนแบบออนไลน์แบบเปิดเสรี ที่ไม่ว่าใครก็ตามจากซีกโลกไหนสามารถสมัครเข้าเรียนได้ไม่จำกัดจำนวน และบางหลักสูตรเปิดสอนฟรี จึงทำให้สถาบันการศึกษาจำเป็นต้องปรับตัว และสร้างหลักสูตรเฉพาะทางมากขึ้น

    สอง การเปลี่ยนแปลงด้านประชากรส่งผลต่อความตึงเครียดในธุรกิจการศึกษา โดยเฉพาะในระดับที่สูงกว่ามัธยมศึกษา เนื่องจากอัตราการเพิ่มของจำนวนประชากรของโลกลดลง จึงส่งผลให้มีเด็กเข้าระบบการศึกษาน้อยลง ตรงนี้ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจการศึกษาพยายามอย่างมากที่จะดึงเด็กเข้ามาสู่ระบบการศึกษา ยิ่งเฉพาะในสภาวะที่มีทางลือกทางการศึกษาค่อนข้างสูง

    สาม สถานศึกษาให้ความสำคัญการบริหารจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับการใช้อุปกรณ์ไอทีของนักเรียนมากขึ้นเพราะปัจจุบันนักเรียนนำอุปกรณ์ไอทีของตนเองมาที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์ แท็บเลต เป็นต้น ดังนั้นสถาบันการศึกษาต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักเรียนด้วยการให้ความกว้างของช่องทางในการรับ-ส่งข้อมูล(Bandwidth)เพียงพอ และ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สาย (WiFi) ที่ง่ายและมีมาตรการรักษาความปลอดภัย

สำหรับด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา "อิซาเบล วิลเลียมส์" Content Marketing Specialist ของ BizDb.co.uk บอกว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาจำนวนมากคาดการณ์ว่า ปี 2016 จะเป็นปีที่ระบบอัตโนมัติจะเข้ามามีบทบาทต่อการศึกษาสูง ทั้งด้านการสร้างเนื้อหา สร้างหลักสูตรใหม่ และสื่อการเรียนรู้ เพราะระบบอัตโนมัติช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียนการสอน

นอกจากนี้ยังมีการเรียนรู้ใหม่ ๆ จากอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงที่นอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ และแท็บเลตในปีก่อน ๆ ได้แก่ นาฬิกาแอปเปิล (Apple Watch) และแว่นตาอัจฉริยะกูเกิล (Google Glass) เพื่อจะปรับสภาพแวดล้อมในการเรียนให้น่าสนใจ และสอดคล้องกับการดำเนินชีวิต

อีกทั้งการนำรูปแบบกลไก หรือวิธีคิดแบบในเกม (Gamification) มาประยุกต์กับการศึกษามากขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางการศึกษาหลายคนยอมรับว่า สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้เรียนมากกว่าการเรียนจากตำราเพียงอย่างเดียว เพราะสามารถเพิ่มแรงจูงใจในการเรียน และสร้างการจดจำบทเรียนอย่างอัตโนมัติให้แก่ผู้เรียน

จนเป็นที่ชัดเจนว่าในปี 2016 จะมีการให้ความสำคัญมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาการเรียนรู้ส่วนบุคคล โดยระบบการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) จะมีการนำข้อมูลส่วนตัวของผู้เรียนมาวิเคราะห์ เช่น ความชอบ และความต้องการ มาออกแบบหลักสูตร และปรับให้ตรงกับความสนใจของนักเรียน ซึ่งจะส่งผลให้ e-Learning ได้รับความนิยมและเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เป็นอย่างดี

สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนของเทรนด์การศึกษาโลกปี2016ที่จะส่งผลโดยตรงต่อรูปแบบการเรียนการสอนในอนาคต

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 7 มกราคม 2559