ผู้เขียน หัวข้อ: สังคมไทยต้องเห็นค่าการศึกษา เพื่ออนาคตของประเทศ  (อ่าน 2265 ครั้ง)

ออฟไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3740
บทความสำหรับผู้ปกครอง ครูอาจารย์ และนักการศึกษา
โดย อ.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์             

     
เรื่องราวของการศึกษาในบ้านเมืองเราตอนนี้ เข้าขั้นวิกฤติแล้วครับไม่ว่าผมจะบรรยายที่ไหนจะไปเจอใคร ต่างก็มึนๆกันกับเรื่องราวของการศึกษาบ้านเรา ทั้งในมหาวิทยาลัย โรงเรียน หรือแม้คนในกระทรวงศึกษาธิการเองก็ตาม  ท่านผู้บริหารการศึกษา ครูบาอาจารย์ ผู้ปกครอง รวมทั้งนักเรียนนักศึกษาของเรา ต่างก็รู้สึกครับ ว่าการศึกษาบ้านเรานี่มันแปลกๆ
สำนักทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(สทศ.) ซึ่งมีหน้าที่ในการวัดผลการเรียนของนักเรียนทั้งประเทศ ประกาศคะแนนเฉลี่ยในการทดสอบของนักเรียนเราแทบทุกวิชาในแต่ละช่วงชั้นตกต่ำลงมาตลอด ในขณะที่รัฐบาลเราจ่ายเงินลงทุนด้านการศึกษาเพิ่มมาเรื่อยๆจนปีที่แล้วเราทุ่มงบประมาณ ๕ แสนล้านบาท ให้กับการศึกษา จ่ายเงิน มีงบให้มาก แต่วัดผลที่ไรก็เศร้าใจ หรือการศึกษาบ้านเรา ตกต่ำลงเรื่อยๆจริงๆ ไทยเราขอร่วมสอบ PISA ซึ่งเป็นการวัดความรู้ความสามารถของนักเรียนทั้งประเทศในกลุ่มประเทศ OECD

การสอบแบบนี้ดีครับ เพราะเป็นการวัดความรู้ความเข้าใจจริงๆไม่ใช่การสอบแบบท่องจำครับ เนื่องมาจากจุดประสงค์ในการทำนั้นไม่ใช่การจัดทำเพื่อการแข่งขัน แต่เขาจัดทำเพื่อวัดผลและนำผลที่ได้ไปใช้การพัฒนาการศึกษา เพื่อคนในจะได้มีความรู้ความสามารถจริง(ต่างกันกับการสอบฟิสิกส์ คณิต เคมี ชีวะ โอลิมปิก ซึ่งเป็นการสอบแข่งขันกันเป็นรายคน)
             
การสอบ PISA จัดโดยสุ่มให้นักเรียน ม.3 ทั้งประเทศของทุกประเทศที่เข้าร่วมสอบ  ผลคือ ความสามารถในการเรียนรู้ ของนักเรียนเราน้อยมากครับ  ความสามารถในทางคณิตศาสตร์ ต่ำระดับมาก ความคิดเชิงวิทยาศาสตร์ ต่ำมากๆร่วมสอบมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกก็ต่ำเกือบที่สุดในโลก ครั้งหลังต่ำกว่าเดิม ความสามารถในการเรียนรู้ของเราอยู่ในกลุ่มท้ายๆของโลก หรือเป็นเพราะเราใช้การศึกษาภาคบังคับ คือบังคับให้เด็กเราเรียนเยอะมาก มากกว่าบรรดาชาติต่างๆในโลก
       
เด็กไทยเราใช้เวลาเรียนในห้องเรียน มากที่สุดในโลกนั่นอาจจะเป็นผลให้ เด็กเราเบื่อการเรียนและหยุดการเรียนรู้เมื่อคิดว่าจบการศึกษา หรือเป็นเพราะเราบังคับเขามากเกินไป ด้วยความเชื่อว่าการฝึกวินัยต้องใช้การบังคับ เราบังคับให้เขาตัดผมเกรียน ร้องเพลงชาติและใส่ชุดลูกเสือ โดยไม่เคยถามหรือสนใจความสมัครใจของเขาเลย นั่นอาจเป็นผลให้เด็กเราขาดวินัย(ในตนเอง) ขาดการฝึกวินัยที่มาจากควบคุมจิตใจของตนเอง นั่นอาจทำให้เด็กของเรา คิด น้อย เพราะเราไม่ได้ฝึกให้เขาคิด แต่ฝึกให้เขาให้เขาทำตาม
       
สถิติต่างๆด้านสังคม น่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเราทำการศึกษา ผิดวิธีมานานแล้ว เด็กไทยท้องในวัยเรียนมากเป็นอันดับหนึ่งของเอเชีย นะครับ เด็กไทยขาดการอดทนอดกลั้น มีความอยากในวัตถุมากขึ้น อดทนน้อยลง และขาดจิตสำนึกในควาเป็นไทย
         
ทุกวันนี้เราจะเห็นปัญหาสังคมมากมายที่มาจากผลของการใช้การศึกษามาเป็นเครื่องมือ ในการแข่งขัน ถึงเวลารึยังที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พ่อแม่และสังคมจีนได้บ่มเพราะฝึกฝนลูกหลานชาวจีนให้ขยัน อดทน และประหยัด เหล่านี้คือการศึกษา

วันนี้จีนกำลังจะก้าวสู้ประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งโลก แซงอเมริกา เพราะอัตราเงินออมของคนจีน สูงถึง 40 % ในขณะที่อัตราเงินออมของอเมริกัน ประมาณ 0%
           
สังคมไทยขาดความรับผิดชอบที่ควรให้การศึกษากับประชาชน เห็นได้จากการที่เรากำลังปลูกฝังให้คนใช้เงินที่ยังไม่มีอยู่ นั่นคือ บัตรเครดิต และเงินกู้ส่วนบุคคล รถยนต์คันแรก ผ่อนไอโฟน ผ่อนท่องเที่ยว ดอกเบี้ย 0% และนั่นอาจทำให้อัตราเงินออมของไทยติดลบ ด้วยนโยบาย"แจกแหลก" นี่เอง เรากำลังปลูกฝั่งให้คนของเรา"รอของแรก" แทนที่จะฝึกให้ทำมาหากิน
         
สิงคโปร์ให้การศึกษากับประชาชนด้วยการฝึกให้คนของเขาเคารพกฎหมาย คนสิงค์โปร์โดยส่วนใหญ่ จึงไม่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ และมาโกงภาษี ส่วนคนไทยเรามักชอบฝ่าฝืนกฎ และพยายามใช้เส้นสายเพื่อเอาเปรียบเพื่อนร่วมชาติ คุณธรรมเหล่านี้ไม่ได้รับการบ่มเพาะอย่างจริงจังให้เด็กในบ้านเรา ผู้ปกครองส่วนมากนึกว่าส่งลูกไปโรงเรียนแล้วลูกจะดีเอง โรงเรียนส่วนใหญ่ก็สนใจแต่เรื่องหลักสูตรวิชาการ ผลการสอบวัดความรู้ต่างๆ รวมทั้งผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย นี่คือ การขาดทิศทางเป้าหมายของการศึกษา                 

เด็กเกาหลีจะถูกปลูกฝั่งให้ค้นคว้าหาความรู่ตั้งยังเด็กมีการพาเด็กๆไปพิพิธภัณฑ์การฺตูน ห้องสมุดการ์ตูน และศูนย์การเรียนรู้ แอนนิเมชั่น นี่คือการศึกษาของเรา
         
บริษัทใหญ่ๆจะให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคน อย่างเช่น ซัมซุงให้ความสำหรับต่อการศึกษามาก นอกจากเป็นศูนย์การเรียนรู้แล้ว บริษัทยังให้เงินจำนวนมากแก่มหาวิทยาลัยต่างๆเพื่อสนับสนุนงานวิจัยและการพัฒนา
         
องค์กรเอกชนให้ความสำหรับการลงทุนด้านการศึกษา มีบริษัททำแอปพลิเคชั่นด้านการเรียนรู้ มีการพัฒนาหลักสูตรต่างๆและระบบสนับสนุนการเรียนการสอนมากมาย และสิ่งที่ตามมาคือความสำเร็จขอประเทศ คนไทยต้องให้ความสำหรับกับ"อนาคตของชาติ" มากกว่านี้ อย่าปล่อยให้การศึกษาเป็นเพียงเครื่องมือแข่งขัน
         
ผู้ปกครอง คงต้องหันมาพัฒนาทักษะในการดำเนินชีวิต (Life skill) ให้ลูก เพราะความสำเร็จของลูกหลานเราจะไม่ยั่งยืนถ้าขาดสิ่งที่มีค่าที่สุดคือความอดทน อดกลั้น  สังคมคงต้องหันมาปลูกฝัง คุณธรรม ให้เยาวชน ธุรกิจมอมเมา หันมาทำ พิพิธภัณฑ์เอกชนเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ ผมดีใจที่เห็นธุรกิจดีๆช่วยสนับสนุนคุณภาพคนไทย เช่นสนามฟุตบอล สนามแบดมินตัน ทั้งเอกชนและรัฐต้องสนับสนุนกิจการเหล่านี้อย่างจริงจัง ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติตรงไปตรงมา เป็นตัวอย่างเยาวชน ครูเข้าสอนตลอดเวลา ผู้รักษาเวลาที่ได้นัดหมายไว้......นี่คือการฝึกวินัย ให้เด็กๆของเรา  การมาสายจนชิน กลายเป็นวัฒนธรรมของเราไปแล้ว เพราะสังคมไม่เห็นความสำคัญ....ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ยิ่งมาสาย .......นี่คือการขาดความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม

ถึงเวลารึยังครับที่เราจะเริ่มจัดโรงเรียน"เพื่อผู้เรียน" ทำห้องเรียนให้มีความสุข เลิกเอาคะแนนมาเป็นเครื่องมือบังคับให้เด็กเรียน เลิกต้อนเด็กไปทำกิจกรรมที่เขาไม่อยากทำ หันมาสร้างความรักในงาน ส่งเสริมกิจกรรมดีๆที่เขาอยากทำ ให้มีส่วนในการคิด และฝึกให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและตนเอง

เลิกการสอนแบบท่องจำ แต่มุ่งเน้นให้เขาแสวงหาความรู้ ค้นคว้าและมีความสุขกับการอ่าน การหาข้อมูล เปิดพื้นที่ให้เขาแสดงออก รับฟังและร่วมกันพัฒนาโรงเรียนให้น่าเรียน  การติดสินบน รับสินบน จนจะกลายเป็นวัฒนธรรมของชาติ ต้องโนรังเกลียด เหยียดหยาม
การก้มหัวให้อำนาจ ให้ตำแหน่งต้องหมดไป คนไทยทุกคนต้องมีศักดิ์ศรี ก้มหัวให้ความดีไม่ใช่ตำแหน่งปลอมๆ นี่คือหนึ่งใน"เป้าหมายการศึกษา"ที่สังคมต้องช่วยกัน
         
การฝึกให้คนของเรารักชาติ โดยบังคับให้เขาร้องเพลงชาติ คงไม่ได้ผลอะไร ถ้าอยากเห็นเด็กไทยของเราเติบโตมาเป็นคนรักชาติ เราต้องตัวเองก่อนครับ ว่าชาติ รักเราไหม สังคมนี้ทำอะไรดีๆให้เขาบ้างไหม
                 
สร้างแหล่งเรียนรู้ เช่น สนามกีฬา ลานศิลปะ พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ ให้มากกว่าศูนย์การค้าสิครับ  สื่อสารมวนชน ทีวี ดาวเทียม สัญญาณต่างๆ ป้ายโฆษณายักษ์ๆ ประชาสัมพันธ์ข่าวดีๆ งานนิทรรศการ ประกวดภาพถ่าย ประกวดร้องเพลง เรื่องดีๆส่งเสริมความดี เรื่องน่าสนใจในบ้านเมืองและต่างประเทศ ต้องมีพื้นที่มากกว่านี้ รับบาลต้องช่วยถ้าจริงใจต่อการพัฒนาการศึกษา ต้องทำให้สื่อดีๆ เอาชนะสื่อที่เน้นให้เด็กของเราเป็นวัตถุนิยม
                 
เด็กท้องวัยเรียน เด็กติดเกมส์ โดดเรียน เด็กตีกัน เยาวชนติดยาเสพติด ค้ายา และใช้ความรุนแรง นี่คือปัญหาของสังคม  วันนี้ จะมาโทษโรงเรียน โทษครูฝ่ายเดียวคงไม่ได้ละครับ   
                 
การให้การศึกษาจากนี้ไปต้องเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ และสังคม รัฐบาลต้องจริงใจ ที่จะช่วยเด็กไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ         

ช่วยกันครับ เพื่ออนาคตของไทย เยาวชนของเรา               
โดย อ.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์
ผู้ก่อตั้ง www.eduzones.com
ที่มา : http://www.jsfutureclassroom.com/news_detail.php?nid=207