ผู้เขียน หัวข้อ: 10 ข้อคิดที่ได้จากหนังสือ นำยังไง ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน  (อ่าน 177 ครั้ง)

ออฟไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3740
1. ความสำคัญของ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่

ผู้นำเป็นคนที่พร้อมจะเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อความสุขของผู้อื่น เขาจะเป็นคนที่คิดถึงความต้องการของคนอื่นก่อนความต้องการของตนเองเสมอ พวกเขาพร้อมที่จะก้าวเดินไปสู่ทางที่อันตรายที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปเพื่อนำพาพวกเราไปสู่อนาคต ผู้นำที่แท้จริงจะไม่มีหักหลังพวกพ้อง เมื่อเราแน่ใจแล้วว่าพวกเขาจะสร้างความปลอดภัยให้แก่เรา เราก็พร้อมที่จะเดินตามเขาและทำงานกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย องค์ที่จะอยู่รอดได้ในระยะยาวจะต้องมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ถ้ามีแต่วิธีการบริหารที่สร้างได้แต่ผลกำไรในระยะสั้น แต่ไม่มีผู้นำที่มีความสามารถ องค์กรนั้นจะอยู่ไม่ได้ในระยะยาว ปัจจุบันมีการเน้นไปที่เพิ่มประสิทธิภาพของผู้บริหารมากกว่าการเพิ่มคุณภาพของผู้นำ เน้นการทำกำไรในระยะสั้น โดยความสำเร็จในระยะยาวเป็นเรื่องรอง ซึ่งหนังสือ Leaders Eat Last จะพยายามเปลี่ยนแนวคิดแบบนี้

2. ลักษณะทั่วไปของผู้นำ

ถ้าการกระทำของคุณทำให้คนอื่นมีความฝัน มีความหวัง และกล้าที่จะทำตาม มีความพยายามทำในสิ่งที่ตนเองคิดมากขึ้น หลังจากที่ได้เห็นการกระทำของคุณ ฯลฯ คุณคือผู้นำครับ! ผู้นำจะพยายามคิดถึงผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเสมอ เขาจะทำให้คนเหล่านั้นมีความฝันถึงอนาคตที่ดียิ่งขึ้น มีความพยายามที่จะพัฒนาตนเองมากขึ้น มีใจที่จะทำเพื่อองค์มากกว่าตนเอง จนในที่สุดก็จะขึ้นมาเป็นผู้นำได้ในที่สุด! ผู้นำจะเป็นคนที่มีความห่วงใยในผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาและมองพวกเขาเป็นมากกว่าทรัพยาการทั่วไป เขาจะดูแลคนของเขาเป็นอย่างดี และให้ความสำคัญต่อองค์มาเป็นอันดับต้น ๆ องค์กรที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้นำที่มีคุณภาพ ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะมาช่วยปลุกภาวะความเป็นผู้นำของคุณให้ตื่นขึ้น

3. การปกป้องและช่วยเหลือ

เมื่อก็ตาม เวลาที่คนเราอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง เมื่อนั้นเราจะเห็นได้ถึงสภาพแท้จริงของมนุษย์ ส่วนใหญ่แล้ว เมื่อคนเราอยู่ในสภาพที่เสี่ยงกต่อความปลอดภัยของตนเอง พวกเขาจะพยายามหาทางเอาตัวเองให้รอดปลอดภัยไว้ก่อน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติและการทำแบบนั้นก็ไม่ถือว่าผิดแต่อย่างใด... แต่ผู้นำจะไม่เป็นแบบนั้น หนึ่งในลักษณะของผู้นำอีกอย่างหนึ่งก็คือ การปกป้องผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ผู้นำส่วนใหญ่ที่มีจิตใจเข้มแข็งจริง ๆ จะพร้อมเข้าไปช่วยเหลือคนของตนเอง โดยที่ไม่เกรงกลัวต่อภัยอันตราย จะนึกถึงความปลอดภัยของคนอื่นเป็นสำคัญ จนอาจจะลืมนึกถึงตนเองไปชั่วขณะ บางครั้งก็อาจจะถึงขั้นบุกเข้าไปช่วยเหลือคนอื่นในสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายเลยก็มี ทั้งนี้ผมเชื่อว่าพวกเขาเหล่านั้นต้องมีความมั่นใจว่าจะทำได้ในระดับหนึ่งด้วย ถึงได้กล้าทำแบบนั้น ซึ่งสิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งในโลกนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากที่คน ๆ หนึ่งจะยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม และถ้ามีคนไปถามพวกเขาว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เขาก็อาจจะตอบกลับมาว่า "ถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาก็คงจะทำแบบนี้เหมือนกัน..." ที่ผมยกตัวอย่างมานี้ก็เพราะว่า องค์กรต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ว่าจะเป็นองค์กรแบบไหนก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีผู้นำที่มีคุณภาพแบบนี้เสมอ ซึ่งลักษณะของผู้นำที่มีเหมือนกันก็คือ การปกป้อง ผู้นำที่คอยปกป้องคนในองค์กร ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีความมั่นใจ และกล้าที่จะเสี่ยง และพร้อมที่จะทำงานหนัก เพราะพวกเขามีความไว้ใจซึ่งกันและกัน และมีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นนั่นเอง

4. ความรับผิดชอบ

การมาทำงานของผู้คนมากหน้าหลายตา ส่วนใหญ่แล้วแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีคนที่เราคอยห่วงใยอยู่เบื้องหลังกันทั้งนั้น แต่พวกเขาก็ยังให้ความไว้วางใจโดยหวังว่าบริษัทจะสามารถดูแลคนที่เขารักแทนในส่วนของตนเองได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของบริษัทที่จะต้องรับผิดชอบในชีวิตและความเป็นอยู่ของพนักงานในองค์กรในระหว่างที่พวกเขาทำงานอยู่ บริษัทเปรียบเสมือนครอบครัวที่ต้องคอยดูแลและเอาใจใส่พนักงานทุกคน ไม่ว่าจะเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยและไม่สบายอะไรก็ตาม บริษัทจะคอยดูแลเสมอ และเมื่อพวกเขาได้รับการดูแลจากบริษัทดีแบบนี้ พนักงานทุกคนก็พร้อมที่จะทำงานให้ดีเพื่อองค์กรของพวกเขา พนักงานทุกคนจะมีความภูมิใจที่ได้ทำงานกับบริษัทที่พวกเขารัก บริษัทที่ให้ความสำคัญต่อบุคคลจะสามารถประสบความสำเร็จได้ดีกว่า บริษัทที่มองว่าเงินเป็นสิ่งที่ต้องใช้เพื่อนำมาพัฒนาองค์กร และสร้างสิ่งแวดล้อมในบริษัทให้มีคุณภาพ เมื่อบริษัทมีคุณภาพมากขึ้น ก็จะเปรียบเสมือนเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีให้องค์กรพัฒนาได้มากขึ้น มีการปกป้องซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะในฐานะพนักงานหรือสมาชิกขององค์กร เมื่อเรามีการดูแลซึ่งกันและกัน จนทำให้บุคลากรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พวกเขาก็พร้อมที่จะทำงานให้มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อที่จะได้ช่วยพัฒนาให้องค์กรยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก

5. ความเป็นทีม

มนุษย์ของเราเป็นสัตว์สังคมมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์แล้ว เพราะมนุษย์ของเรานั้นมีร่างกายที่อ่อนแอเมื่อเทียบกับสัตว์ป่าอื่น ๆ ถ้าไม่อยู่รวมกันก็ไม่อาจที่จะอยู่รอดในโลกนี้ได้ ทางเดียวที่จะอยู่ได้ก็คือ มนุษย์ต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม จะมากจะน้อยก็ต้องมีการรวมตัวกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เพื่อจะได้ช่วยหาอาหาร สร้างที่พัก และ ดูแลซึ่งกันและกัน แม่ว่าบางครั้งอาจจะมีความขัดแย้งกันบ้างภายในกลุ่ม แต่เมื่อมีภัยมา พวกเขาก็พร้อมที่จะสู้เพื่อกลุ่มของตนเองเอง เพราะคนเรานั้นจะสู้เพื่อของของตนเองเสมอ มนุษย์นั้นถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม และความไว้วางใจนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ความเป็นอยู่ภายในกลุ่มมีความสงบเรียบร้อย นี้เป็นเหตุผลที่เราต้องมีการประชุมร่วมกัน กินข้าวด้วยกัน ใช้เวลาในการทำกิจกรรมร่วมกัน เพราะจะช่วยให้ความสามัคคีภายในกลุ่มแน่นแฟ้นขึ้น การทำงานของบริษัทเองก็เหมือนกัน การทำงานเป็นทีม จำเป็นที่จะต้องมีความไว้วางใจกัน สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่าย เวลามีปัญหาก็จะได้ช่วยกันแก้ไขได้ไม่ยากนักเพราะทุกคนช่วยกันคิดช่วยกันแก้ การทำกิจกรรมร่วมกันภายในบริษัทจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กร เมื่อทีมงานมีคุณภาพ ผลงานที่ออกมาก็ย่อมที่จะดีตามไปด้วย

6. รู้สึกดีเมื่อได้ทำในสิ่งที่เป็นเป้าหมายให้สำเร็จ

ทุกครั้งที่คนเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะทำอะไร ไม่ว่าเป้าหมายนั้นจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม แล้วเรามีความตั้งใจที่จะทำงานนั้น ๆ ให้สำเร็จ ซึ่งในระหว่างนั้น จะมีสารโดฟามีนหลั่งออกมา จะช่วยให้เรารู้สึกดีที่ได้ทำงานนั้น ยิ่งเป็นภาพของความสำเร็จได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ สารโดฟามีนก็จะหลั่งมากขึ้นไปเรื่อย ๆ และเมื่อเราทำสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จจะเป็นช่วงที่สารโดฟามีนหลั่งมามากที่สุด ทำให้เรารู้สึกดีเป็นที่สุดที่ได้ทำงานนั้นสำเร็จ เราจะมีความรู้สึกภาคภูมิใจ จะรู้สึกดีมาก และทำให้อยากที่จะหาอะไรมาทำเพื่อที่จะได้ทำสิ่งนั้นให้สำเร็จอีก เพื่อที่จะให้สารโดฟามีนหลั่งอยู่เรื่อย ๆ เช่น เวลาที่เรากินอาหาร ในช่วงนั้นจะมีสารโดฟามีนหลั่งออกมา จะทำให้เรามีความรู้สึกสนุกที่ได้กินอาหาร ทำให้เราอยากจะหาอาหารมากินอยู่เป็นประจำ เกิดความรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้กินอาหาร นี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนเราบางครั้งถึงอยากจะกินอาหารทั้ง ๆ ที่ยังไม่หิวนั่นเอง โดยส่วนใหญ่แล้ว ยิ่งสิ่งที่ทำมีความยากแค่ไหน และท้าทายมากเท่าไหร่ ถ้าเราเห็นเป้าหมายนั้นชัดเจน สารโดฟามีนจะหลั่งออกมากเป็นพิเศษ ในทุกระยะที่ทำสิ่งนั้นได้คืบหน้าไปเรื่อย ๆ เมื่อทำได้สำเร็จแล้ว สารโดฟามีนจะหลั่งออกมาเป็นอย่างมาก ทำให้เรารู้สึกสนุกสุด ๆ ที่ทำสิ่งนั้นได้ ซึ่งต่างจากการที่มีเป้าหมายเล็ก ๆ และไม่ค่อย้ทาทายเท่าไหร่ จะทำให้สารโดฟามีนหลั่งออกมาไม่มากนัก

7. ผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยกัน

นอกจากความสามารถของผู้นำที่จะต้องมีคุณภาพ มีความเข้มแข็ง กล้าตัดสินใจแล้ว สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ ความสามัคีกันของพนักงานในบริษัท ไม่ว่าจะในยามที่บริษัทกำลังประสบความสำเร็จ หรือ ในยามที่กำลังเผชิญกับสภาวะขาดทุน หรือ ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ไม่คาดคิด จนทำให้จำเป็นที่จะต้องลดรายจ่ายของบริษัทลง พนักงานทุกคนในบริษัทตั้งแต่ CEO ลงไปจำเป็นที่จะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา เพื่อที่จะผ่านพ้นภาวะยากลำบากนี้ไปให้ได้ ยิ่งถ้าสามารถช่วยให้บริษัทเดินต่อไปได้ โดยที่ไม่ต้องปลดพนักงานออกไปก็จะยิ่งเป็นอะไรที่ยอดสุด ๆ บางบริษัทสามารถที่จะพาบริษัทให้ไปต่อได้โดยที่ไม่ได้ปลดพนักงานออกเลย จนสามารถผ่านพ้นช่วงนั้นไปได้ แถมยังทำให้ความรักใคร่สามัคคีกันภายในองค์กรดีขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนได้ช่วยเหลือกันโดยที่ไม่มีเรื่องของค่าจ้างเข้ามาเกี่ยวข้อง ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ ใช้วิธีแก้ไขปัญหาด้วยการปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมาก ทั้ง ๆ ที่ก็ประสบกับความยากลำบากแบบเดียวกัน พวกเขาทำได้อย่างไร? นั่นก็เพราะพนักงานทุกคนนั่นมีการช่วยเหลือกันด้วยความจริงใจ มีความมั่นใจในระบบของบริษัทที่สร้างขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ระบบนั้นเป็นระบบที่ใช้ได้ผลจริง และ ผู้นำมีวิสัยทัศน์ มีความสามารถ แก้ปัญหาได้ตรงจุด และมีความต้องการปกป้องพนักงานทุกคนในบริษัท ไม่ต้องการให้ใครบาดเจ็บหนักเกินไป แต่ให้ทุกคนช่วยกันแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน จึงทำให้พวกเขาได้ผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

8. กล้าทำในสิ่งที่ควรทำ

ในว่าจะในชีวิตประจำวันหรือชีวิตในการทำงานของคนเราก็ตาม บางครั้งเราก็อาจจะได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่จะต้องใช้ความกล้าเป็นอย่างยิ่งในการตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อคนอื่น โดยเฉพาะสถานการณ์ที่คับขันมาก จนถึงขนาดจำเป็นที่จะต้องฝ่าฝืนกฎระเบียบเพื่อที่จะทำการช่วยเหลือผู้คนให้รอดพ้นจากอันตราย เมื่อมีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้น คนที่เป็นผู้นำที่มีความสามารถและมีประสบการณ์สูง จะสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าควรที่จะต้องทำอย่างไรบ้าง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานหรือลูกค้าของตนเองในอยู่ในเหตุการณ์นั้นเป็นสำคัญ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนปลอดภัยไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม ซึ่งการที่จะทำให้สิ่งนี้ประสบความสำเร็จและช่วยกันผ่านพ้นสถานการณ์ไปด้วยกันได้ด้วยดีนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเชื่อใจกันและให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่จากทุกคนในที่นั้น บางคนยอมที่จะฝ่าฝืนกฎหรือตนเอง แต่ผู้นำที่กล้าหาญจะยอมฝ่าฝืนกฎเพื่อความถูกต้อง คงไม่มีใครที่จะยอมฝากชีวิตตนเองไว้กับคนที่เอาแต่ทำตามตำราไปทุกกระเบียดนิ้วแน่นอน เพราะกฎระเบียบส่วนใหญ่สามารถใช้ได้ในยามปกติเท่านั้น แต่ไม่สามารถที่ครอบคลุมไปถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ไปทั้งหมด ดังนั้นผู้นำที่มีประสิทธภาพจะพร้อมที่จะปกป้องผู้ที่อยู่เบื้องล่าง เมื่อถึงคราวจำเป็น เขาก็พร้อมที่จะแหกกฎเพื่อช่วยเหลือคนของพวกเขา เมื่อคนที่อยู่ภายในปกครองได้รับความช่วยเหลือจากผู้อยู่เบื้องบน พวกเขาจะมีความมั่นใจในผู้นำเป็นอย่างมาก และพร้อมที่จะทำเพื่อบริษัทที่พวกเขารักมากขึ้น บริษัทก็จะมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ในบางสถานการณ์การมีผู้นำที่กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่าจะต้องแหกกฎบางอย่างก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน

9. การทำกิจกรรมร่วมกันของพนักงานสำคัญอย่างยิ่ง

ในปัจจุบันนี้การทำงานในบริษัทนั้นมีงานให้เราต้องทำต่าง ๆ มากมาย จนแทบจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลย ซึ่งอาจจะส่งผลให้เวลาที่พนักงานภายในบริษัทจะไปพบปะพูดคุยกันนั้นมีน้อยลงตามไปด้วย เมื่อไม่ได้พบปะพูดคุยกันไปนาน ๆ ก็อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานมีความหย่อนยาน ความสามัคคีก็อาจจะลดลง ทำให้ความเข้มแข็งของบริษัทถดถอยตามไปด้วย ดังนั้น เพื่อให้บริษัทสามารถเดินต่อไปได้โดยสะดวกและราบรื่นการสร้างกิจกรรมเพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสในการพบปะพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และได้ช่วยเหลือกันบ้างในการทำกิจกรรมก็เป็นเรื่องที่ควรจะทำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นในหมู่คณะ เพราะการห่างเหินกันมากเกินไป ก็อาจจะทำให้ความเกรงใจต่อกันมีลดน้อยลง มีความรักใคร่ต่อกันที่น้อยลง ดังนั้นจึงควรหาโอกาสให้เหล่าพนักงานได้ทำกิจกรรมร่วมกันเป็นระยะ ๆ ได้จะดีมาก ทั้งยังส่งผลต่อความเข้มแข็งโดยรวมของบริษัทได้อีกด้วย

10. ลงไปดูด้วยตนเอง

เอกสารจำนวนมากที่ส่งมาให้ผู้นำทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่เป็นตัวหนังสือและเป็นตัวเลขทั้งนั้น ทำให้เวลาตัดสินใจทำอะไรก็ตาม มักจะนึกถึงเฉพาะข้อมูลบนเอกสารหรือข้อมูลจากการบอกกล่าวเท่านั้น ผู้นำส่วนใหญ่จะมีโอกาสในการเห็นสภาพความเป็นจริงที่น้อยลงไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นไป เพราะส่วนใหญ่แล้ว พนักงานหรือลูกน้องจะเป็นคนที่ได้ลงไปในพื้นที่เองแทบทั้งนั้น เมื่อเป็นแบบนี้ โอกาสที่จะตัดสินใจผิดพลาดในบางเรื่องก็อาจจะเกิดขึ้นได้ นอกจากจะทำถูกต้องตาม "กฎ" แล้ว สิ่งที่ผู้นำควรจะทำก็คือ ควรที่จะหาโอกาสลงไปดูในพื้นที่ส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ เพื่อให้เห็นสภาพความเป็นไปของงานที่ตนกำลังทำอยู่ เพื่อให้เห็นภาพโดยรวมได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อได้ไปเห็นหน้างานจริง ๆ แล้ว ก็จะช่วยให้การตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ นั้นมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย เพราะได้ผ่านการพิจารณาด้วยข้อมูลที่กว้างขึ้นและตรงตามความเป็นจริงมากขึ้นนั่นเอง


ที่มา facebook read มันออกมา