ผู้เขียน หัวข้อ: 10 เหตุผล ทำไมคนที่ชอบอ่านหนังสือ ถึงมีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้นำที่ดีกว่า?  (อ่าน 1599 ครั้ง)

ออฟไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3740
การอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจน้อยลง จากผลการสำรวจและสถิติต่างๆ ชี้ให้เห็นว่าการลดลงนี้นับเป็นพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะการขาดแคลนนักอ่านเท่ากับการขาดแคลนผู้นำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลยเพราะการอ่านหนังสือช่วยให้คุณค้นพบหนทางในการเป็นผู้นำที่ดีได้ ผู้นำที่มีชื่อเสียงมากมายหลายคนตั้งแต่ Steve Jobs ไปจนถึง Elon Musk ล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมในการรังสรรค์ผลงานทางสติปัญญามากมายส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาเป็นนักอ่าน

พวกเขามีทักษะในการผูกสัมพันธ์ที่ดีกว่า

นักวิจัยหลายท่านกล่าวว่า การอ่านหนังสือส่งเสริมให้สมองพยายามที่จะเชื่อมโยงตัวผู้อ่านกับเหล่าตัวละครในหนังสือ ต่อให้เราห่างหายจากการอ่านหนังสือไปหลายวัน แต่สมองของเราก็จะยังคงทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงตัวเรากับประสบการณ์และพฤติกรรมของตัวละครเหล่านั้นอยู่ การที่เราเชื่อมโยงกับตัวละครต่างๆ ในหนังสือ จะทำให้เราได้พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์และกลายเป็นคนที่ผูกสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ได้เก่งขึ้น

พวกเขามีคลังคำศัพท์ในสมอง

คนที่ชอบอ่านหนังสือจะมีโอกาสพัฒนาคำศัพท์ที่พวกเขารู้จักที่บ่งบอกถึงอารมณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น การอ่านหนังสือให้มากขึ้นจะช่วยเปิดกว้างคำศัพท์ต่างๆต่อผู้อ่านมากขึ้น และด้วยความสามารถด้านคำศัพท์ที่ดีขึ้นนี้เอง คนๆ นั้นจะมีทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งช่วยได้มากในการแสดงออกทางความคิดและความต้องการ สิ่งนี้จะทำให้คุณสามารถแสดงความต้องการได้อย่างชัดเจน นำไปสู่การมีภาวะผู้นำที่ดีได้

พวกเขามีมุมมองที่กว้างไกล

แทนที่จะมองโลกเพียงแค่ในมุมที่เราต้องการจะรับรู้ นักอ่านจะมองโลกในแบบภาพรวม การอ่านจะช่วยให้คุณได้ท่องไปในที่ใหม่ๆ มีส่วนร่วมในหัวข้อสนทนาต่างๆ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่หลากหลาย การมีมุมมองที่กว้างไกลจะทำให้คุณไม่ติดอยู่กับเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำๆ หรือความจริงเพียงด้านเดียว กลับกันคุณจะได้เห็นโลกราวกับเป็นสถานที่ๆ เต็มไปด้วยความท้าทายและความเป็นไปได้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

พวกเขารู้จักกับผู้คนมากมาย

ผู้คนชอบสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับเหล่านักอ่าน เพราะว่าพวกเขามีความสามารถที่ดีในการเรียบเรียงประโยคพูดคุยด้วยคำศัพท์ที่หลากหลาย พวกเขามีความเข้าใจที่เฉียบแหลม และดูเป็นคนที่มีความรู้เมื่อต้องสนทนาด้วย ซึ่งการแลกเปลี่ยนความรู้และการสื่อสารกับผู้คนที่มีความสนใจคล้ายกัน จะเหมือนกับการกระตุ้นและขับเคลื่อนเหล่านักอ่านไปสู่การมีภาวะผู้นำมากขึ้นตามไปด้วย

ผลการศึกษาชี้ว่า การอ่านหนังสือช่วยลดความเครียดได้ เปรียบเทียบกับกิจกรรมลดความเครียดอย่างอื่น เช่น ฟังเพลงโปรด หรือดื่มชากาแฟสักแก้ว การอ่านหนังสือดูจะเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด เพราะมันช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและปลดปล่อยความตึงเครียดภายในเวลาไม่กี่นาที และด้วยลักษณะนิสัยที่สงบ นักอ่านจะเป็นคนที่คิดบวกและมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งต่างๆ ซึ่งเหมาะที่จะเป็นผู้นำได้ดีกว่าใคร

พวกเขามีเรื่องให้ท้าทายความคิดเสมอ

ผลงานวิจัยชี้ว่านักอ่านคือเหล่าคนที่เป็นนักคิด นั่นก็เพราะว่าการอ่านช่วยเสริมสร้างความสามารถทางสติปัญญา ซึ่งทำให้เป็นคนมีเหตุมีผลและแก้ไขปัญหาได้ดี นอกจากนี้ยังเป็นที่สังเกตได้ว่า การอ่านเรื่องราวบางเรื่องที่ไม่ตรงกันกับความเห็นของเรา จะช่วยส่งผลต่อวิธีการคิดทั้งในเชิงสร้างสรรค์และความเป็นเหตุเป็นผลด้วย

พวกเขามีสิ่งที่ช่วยให้ระลึกถึงความหลัง

บางครั้งการอ่านหนังสือก็เหมือนกับการได้ส่องกระจกดูตัวเราเอง หนังสือบางเล่มช่วยให้คุณระลึกถึงสิ่งที่คุณเองก็รู้อยู่แล้ว การอ่านหนังสือช่วยกรองความคิดและการสังเกตสิ่งต่างๆ อีกทั้งยังทำให้คุณสามารถที่จะเก็บเกี่ยวแต่ข้อมูลที่สำคัญๆ ไว้ได้มั่นคงเสมอ

พวกเขามีพลังที่จะขับเคลื่อนตนเองไปสู่เป้าหมายมากกว่า

การอ่านหนังสือทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กรถเปร่า คิดบวก และมีความมั่นใจมากขึ้น นักอ่านมักจะเป็นคนที่มีชีวิตชีวาและมีการตระหนักรู้ที่ดีกว่า ในการที่จะค้นพบหนทางต่างๆ ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ การอ่านหนังสือจะทำให้กลายเป็นคนที่มีจิตใจที่มั่นคง เฉียบแหลม และมีความกระตือรือร้นมากขึ้นได้

พวกเขามีสมาธิที่ดีขึ้น

คนที่อ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอ จะสามารถมีสมาธิจดจ่อกับงานในระยะยาวได้ เหล่านักอ่านตัวยงจะไม่ชอบอย่างมากเมื่อมีสิ่งใดมากรบกวน หรือเมื่อต้องวางหนังสือลง ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบของการเป็นนักอ่านที่ดี

พวกเขาเป็นนักจัดการเวลาที่ดี

การอ่านหนังสือสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา แทนที่จะมัวเอาแต่รอและทำตัวเรื่อยเปื่อย การอ่านกลับเป็นวิธีที่มีค่าที่จะช่วยให้เราจัดการเวลาและทำสิ่งต่างๆ ได้ลุล่วงมากขึ้น เพราะทุกๆ นาทีที่เสียไปสามารถนำมาใช้กับการอ่านหนังสือได้อย่างคุ้มค่า การรู้ซึ้งถึงคุณค่าของเวลานั้นมักพบได้บ่อยในเหล่าผู้นำ เพราะผู้นำทุกคนรู้ดีว่าเวลาคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตที่จะทำให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายได้

ที่มา : http://kruvoice.com