เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2017, 07:33:19 AM
วันนี้ขอเขียนในสิ่งคิดสักเล็กน้อยครับ
ก็เพราะว่า เราใช้คะแนนที่มีความคาดเคลื่อนวัดคุณภาพผู้เรียน กศน. แล้วก็วัดคุณภาพสถานศึกษาด้วย และหลายท่านก็ยึดติดคำนี้ ว่าต้องจัดการศึกษาเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หรือ คะแนน N-Net กศน.
มีคำๆหนึ่ง คือคำว่า "ความคงทนในการเรียนรู้" ซึ่งมีความสำคัญต่อการวัดผลการจัดการศึกษา
กศน. จัดสอบ N-Net ในภาคเรียนสุดท้ายก่อนจะจบหลักสูตรแต่ละระดับ แล้วมันมีความคลาดเคลื่อนอย่างไร
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ หากลงทะเบียนวิชาคณิตศาสตร์ในภาคเรียนแรก หรือวิชาอื่นๆ เช่น วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ก็ตาม อีก 1 ปีครึ่ง ถึงจะสอบ N-Net ถามว่า ความรู้คณิตศาสตร์ หรือตัวอย่างวิชาที่กล่าวมา ของผู้เรียน จะมีความรู้เหลือมากน้อยเพียงใดหรือมีความคงทนในการเรียนรู้เท่าใดไว้ใช้ในการสอบเมื่อถึงเวลานั้น (ไม่เหมือนในระบบโรงเรียนที่เรียนวิชาหลักต่อเนื่องกันไป ในแต่ละรายวิชาจนจะจบระดับชั้น)
นี่ยังไม่รวมวิชาและสาระะอื่นๆที่เข้าข่ายลักษณะนี้
ผู้เรียนลงทะเบียนเรียน 4 ภาคเรียน ถึงจะจบหลักสูตร เรายกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆเพียงสาระเดียวและวิชาเดียว หากเปรียบเทียบผลคะแนน ระหว่างสถานศึกษา (ก) ที่ลงทะเบียนเรียนวิชาคณิตศาสตร์ในภาคเรียนที่ 1 กับสถานศึกษา (ข) ที่ลงทะเบียนเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ในภาคเรียนสุดท้าย หากผลคะแนนที่ออกมา ของผู้คาดว่าจะจบในภาคเรียนเดียวกันปรากฎว่าสถานศึกษา (ข) มีคะแนนวิชาคณิตศาสตร์สูงกว่า แสดงว่าสถานศึกษา (ข) มีคุณภาพการสอนวิชาคณิตศาสตร์มากกว่า สถานศีกษา (ก) ใช่แบบนั้นจริงหรือไม่
ยังไม่รวมการลงทะเบียนเรียนวิชาเดียวกันแต่ต่างภาคเรียน แล้วมาวัดผลพร้อมกัน โดยทิ้งช่วงเวลาความคงทนในการเรียนรู้จะเหลือมากน้อยเพียงใดในแต่ละรายวิชา รายสาระการเรียนรู้ ซึ่งผลสอบเปรียบเทียบสามารถเช็คได้จาก สทศ.
สุดท้ายแล้วคะแนน N-Net มันวัดคุณภาพครูผู้สอนและสถานศึกษา กศน. จริงหรือไม่ลองคิดดูกันเล่นๆ เมื่อตัวแปร คือ ลำดับรายวิชาที่ลงทะเบียน+ช่วงระยะเวลาที่เรียน+ช่วงเวลาที่สอบ+ตัวผู้เรียน หรือแม้แต่ครูผู้สอนเอง
***************
เลิศชาย ปานมุข
11 ตุลาคม 2560
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 02, 2018, 10:41:00 AM โดย เลิศชาย ปานมุข »