ผู้เขียน หัวข้อ: สิ่งที่ไหว  (อ่าน 1699 ครั้ง)

ออฟไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3740
เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2015, 08:28:19 PM
ใจต่างหากที่หวั่นไหว

         หลังจากท่านฮุ่ยเหนิงได้รับตำแหน่งต่อจากท่านหงเหริ่นพระสังฆปรินายกรุ่นที่ 5 แล้ว ท่านก็ออกเดินทางไปยังหนันไห่ ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทั้งหลายทั้งปวงเกี่ยวกับการครองตำแหน่ง

         วันหนึ่ง ท่านฮุ่ยเหนิงได้ยินผู้คนพูดอย่างตื่นเต้นว่า วันนี้ท่านอิ่นจงจะมาบรรยายธรรมที่วัดฝ่าซิ่งซื่อ เมืองกวางเจา ท่านฮุ่ยเหนิงอยากฟังธรรม จึงเดินทางมาที่วัดฝ่าซิ่งซื่อ

          หน้าวัดปักธงห้าสีเป็นทิวแถวเพื่อต้อนรับพระอาจารย์ พระ 2 รูปเห็นธงทิวปลิวไสว พระรูปหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า " วันนี้ลมแรงจริงๆ พัดจนธงปลิวไสว " พระอีกรูปหนึ่งไม่เห็นด้วย แย้งว่า " ธงมิได้ปลิว ลมต่างหากที่ไหว " พระสองรูปนั้นเถียงกันหน้าดำหน้าแดง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ไม่นาน ฝูงชนก็มามุงดูกันใหญ่


          ท่านฮุ่ยเหนิงเดินผ่านมาเห็นฝูงชนมุงดูอะไรกันคึกคัก จึงเดินเข้าไปดูบ้าง ครั้นทราบเรื่องทั้งหมด ท่านจึงกล่าวเสียงเนิบๆ ขึ้นว่า " ธงมิได้ไหว ลมก็มิได้ไหว ใจคนต่างหากที่ไหว "

          พระสองรูปนั้นได้ฟังคำท่านฮุ่ยเหนิงเข้า ก็บรรลุธรรมในบัดดล

          เรื่องนี้เล่าถึงหูท่านอิ่นจงอย่างรวดเร็ว ท่านอิ่นจงเข้าใจคำพูดของท่านฮุ่ยเหนิงทันที ท่านรู้สึกตื่นเต้นมาก เนื่องจากคำพูดนี้ของท่านฮุ่ยเหนิง ก็คือหลักใหญ่ใจความของคัมภีร์พระนิพพานที่ท่านจะกล่าวบรรยายในวันนี้นั่นเอง ท่านจึงรีบรุดมาไหว้ท่านฮุ่ยเหนิง และเชิญท่านฮุ่ยเหนิงบรรยายธรรมบนธรรมมาสน์

แง่คิด

          ใจไหวมิสู้ลงมือกระทำ

          นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานเซนที่โด่งดังมาก

          โลกเปลี่ยนแปลงเร็วเหลือเกิน มีคนกล่าวไว้ว่า " ความเปลี่ยนแปลงคือความไม่เปลี่ยนแปลงแต่เพียงสิ่งเดียวของโลก "

          โลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและรุนแรงเหลือเกิน แล้วเราจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงแบบนี้อย่างไรดี ?

          มนุษย์แบ่งได้เป็นสองประเภท ประเภทหนึ่งคือ นั่งตกปลาอยู่บนเรืออย่างสงบโดยไม่สนใจต่อคลื่นลมใดๆ ทั้งสิ้น คนประเภทนี้มักเป็นผู้สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส เป็นผู้ที่ไม่ยินดียินร้ายต่อลาภยศสรรเสริญทั้งหลาย อีกประเภทคือ โลกเปลี่ยน ฉันก็ต้องเปลี่ยน ต้องวิ่งตามโลกให้ทัน เราไม่สามารถระบุได้ว่าคนสองประเภทนี้ใครดีใครเลว เพราะต่างมีข้อดี - ข้อเสียของตัวเอง

          สังคมในปัจจุบัน คนที่สามารถอยู่นิ่งเฉยท่ามกลางโลกที่สับสนวุ่นวาย เปลี่ยนแปลงวูบวาบตลอดเวลานั้น มีเพียงหยิบมือเล็กๆ หยิบมือหนึ่งเท่านั้น คนส่วนใหญ่ มักจะใจไหวไปก่อน แล้วพฤติกรรมก็ไหวตาม

          ถ้าใจไม่ไหวไปก่อน พฤติกรรมจะไหวได้อย่างไร

          ก่อนออกเดินทางท่องเที่ยว เรามักจะค้นหาข้อมูลว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวตรงใหนบ้าง จะไปพักรีสอร์ต โรงแรมใหนดี จะไปกินอาหารร้านใหนถึงจะอร่อย ชอปปิ้งสินค้าพื้นเมืองอะไร ฯลฯ เห็นไหมว่าคนยังไม่ทันไปเลย แต่ใจมันไปไกลแล้ว

          แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ใจไปแล้ว แต่พฤติกรรมไม่ไปตาม ถ้าหากการท่องเที่ยวของเราหยุดอยู่เพียงแค่การเที่ยวในการค้นหาข้อมูล แล้วไม่ลงมือปฏิบัติ การท่องเที่ยวนั้นจะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น

          ใจคิดอย่างไร สุดท้ายยังต้องปฏิบัติ จึงจะเกิดพลังที่เป็นจริง เราต้องใช้การกระทำของเราไปยืนยันการดำรงอยู่ของเรา ไปพิสูจน์คุณค่าของเรา ไปบรรลุเป้าหมายของเรา ถ้าหากโครงการ เป้าหมาย ความหวัง หยุดอยู่เพียงแค่ความฝันบนแผ่นกระดาษ ไม่มีการกระทำที่เป็นจริง โครงการพวกนั้นก็เดินหน้าไม่ได้ เป้าหมายที่ตั้งไว้สวยหรูก็ไม่ปรากฏจริง ความหวังที่มีก็จะแตกไปดังฟองสบู่ เฉิดฉันท์ไฉไลแค่ใหน ก็อยู่ได้ไม่นาน


ที่มา : http://pumalone.blogspot.com/2012/09/blog-post_30.html