ผู้เขียน หัวข้อ: โครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดำริ  (อ่าน 3362 ครั้ง)

ออฟไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3740

ประวัติความเป็นมา

            เมื่อ ปี พ.ศ.2551 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงซื้อที่ดินจากราษฎรบริเวณอ่างเก็บน้ำ หนองเสือ ประมาณ  120 ไร่ และต่อมา ปี พ.ศ.2552  ทรงซื้อแปลงติดกันเพิ่มอีก 130 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 250 ไร่ โดยมีพระราชดำริให้ทำเป็นโครงการตัวอย่างด้านการเกษตร รวบรวมพันธุ์พืชเศรษฐกิจในพื้นที่ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี  และพื้นที่ใกล้เคียงมาปลูกไว้ที่นี่ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2552 เป็นต้นมา  และพระราชทานพันธุ์มันเทศซึ่งออกมาจากหัวมันที่ตั้งโชว์ไว้บนตาชั่งในห้อง ทรงงานที่วังไกลกังวลให้นำมาปลูกไว้ที่นี่  พระราชทานชื่อโครงการว่า?โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ?

วัตถุประสงค์ของโครงการ

           1. เพื่อให้เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์พืชเศรษฐกิจ  พืชพันธุ์ดีของอำเภอท่ายาง  และของจังหวัดเพชรบุรี
           2. เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรแก่เกษตรกร
           3. เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแปลงหรือมาช่วยงานพระองค์

การดำเนินกิจกรรมภายในโครงการ  ประกอบด้วย

           ? การใช้กังหันลมผลิตไฟฟ้าเพื่อเป็นพลังงานทดแทน
           ? การผลิตพืชปลอดภัยจากสารพิษ
           ? การสาธิตการปลูกสบู่ดำ
           ? การปลูกข้าวสายพันธุ์ต่างๆ
           ? แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตชมพู่เพชรสายรุ้ง
           ? แปลงศึกษาและส่งเสริมการผลิตหน่อไม้ฝรั่ง
           ? การทำปุ๋ยหมัก
           ? การปลูกไม้ผล พืชไร่ ประกอบด้วย แก้วมังกร กล้วยน้ำว้า กล้วยหักมุก  มะละกอ มะนาว ฟักทอง กล้วย อ้อย มะพร้าวน้ำหอม  มะพร้าวห้าว ฯลฯ
           ? การปลูกพืชผัก ประกอบด้วย มันเทศ กระเพรา โหระพา พริกพันธุ์ซูปเปอร์ฮอต มะเขือเทศราชินี กระเจี๊ยบเขียว วอเตอร์เครส มะระขี้นก  ผักหวานบ้าน ฯลฯ

เป้าหมายของโครงการชั่งหัวมัน  ตามพระราชดำริ

           โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ เป้าหมายต้องการให้เป็นศูนย์รวมพืชเศรษฐกิจของ อ. ท่ายาง เพชรบุรี  โดยเลือกพันธุ์พืชท้องถิ่นที่ดีที่สุดเข้ามาปลูก แล้วให้ภาครัฐและชาวบ้านร่วมดูแลด้วยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิด โครงการชั่วหัวมันเป็นการบริหารทรัพยากรแบบบูรณาการ  โดยใช้ทรัพยากร  ที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด  ขณะเดียวกันก็พยายามเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสโดยและเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชนต่อไป


ที่มา : www.paiduaykan.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 15, 2016, 04:51:42 PM โดย เลิศชาย ปานมุข »