ครูเลิศชาย ปานมุข

ความรู้ดีดีเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษา => บทความการศึกษา => ข้อความที่เริ่มโดย: เลิศชาย ปานมุข ที่ สิงหาคม 05, 2015, 02:00:59 AM

หัวข้อ: ปลูกการศึกษาเด็กไทย ด้วยหัวใจ ?การศึกษาทางเลือก?
เริ่มหัวข้อโดย: เลิศชาย ปานมุข ที่ สิงหาคม 05, 2015, 02:00:59 AM
?การศึกษาไทยเหตุใดจึงไม่ก้าวไกล ราวกับว่าระบบไม่ได้พัฒนาหล่อหลอมเด็กไทยไปสู่ดวงดาวตามที่วาดหวังกันไว้เลย?

พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา วัย 87 ปี ผู้ซึ่งผ่านประสบการณ์มากมาย ในฐานะซีอีโอหัวหน้าทีมผู้บริหารองค์กรขนาดใหญ่ เชื่อว่าพนักงานเป็นสมบัติอันมีค่าขององค์กร องค์กรขับเคลื่อนด้วยคน ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตึกสวย คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ หรือโรงงานทันสมัยที่สุด

หลังจากเกษียณอายุแล้ว คุณพารณก็มีความเชื่อว่า ?เด็กไทย?...คนไทย... เป็นสมบัติอันมีค่าที่สุดของประเทศ และคิดยาวไกลไปอีกว่า ?ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก? ก็เลยพุ่งเป้าไปที่เด็กก่อน เราต้องพัฒนาเด็กไทย ซึ่งคุณพารณเล่าว่าโครงการแรกที่เริ่มทำเป็นการสอนหนังสือทางไกลผ่านดาวเทียมของมูลนิธิไทยคม ทำอยู่ 4ปีจึงให้คณาจารย์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชทำวิจัย ซึ่งผลปรากฏว่าการสอนหนังสือทางไกลผ่านดาวเทียมในประเทศไทยนั้นมีปัญหาอยู่ตรงที่เราหาครูที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ เพื่อสอนวิชาที่กระทรวงศึกษาธิการต้องการไปยังต่างจังหวัด แต่เด็กต่างจังหวัดยังมีมาตรฐานต่ำ รับไม่ค่อยได้ จึงเกิดปัญหาตามมานั่นเอง

คุณพารณจึงหันมาจับเรื่องใหม่ โดยมีศิษย์เก่า MIT มาช่วยกันคิด พวกเขานำเอาเทคโนโลยีที่เรียกว่าการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ด้วยปัญญามาใช้ในประเทศไทย จนเกิดเป็น ?มูลนิธิศึกษาพัฒน์? ขึ้นมา และแนวคิดนี้ก็ถูกนำไปปรับใช้กับโรงเรียนรัฐบาลหลายแห่ง ซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เด็กสนุกที่ได้เรียนรู้ ผลการสอบดีขึ้น ฉลาดขึ้น แต่ปัญหามีอยู่ว่าทุกครั้งที่เปลี่ยนอาจารย์ใหญ่ก็จะมีผลกระทบ ถ้าเขาไม่เอาด้วยก็ต้องพับโครงการกลับมานับหนึ่งใหม่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็เสียเวลาเปล่า และนี่จึงเป็นที่มาของการก่อตั้งโรงเรียนดรุณสิกขาลัย... โรงเรียนนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งใช้แนวคิดแบบให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางตามทฤษฎี Constructionism ของศาสตราจารย์ Seymour Papert จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตต์ (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา

โรงเรียนดรุณสิกขาลัยมีรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่าง เปลี่ยนโฉมรูปแบบการศึกษาไทยไปค่อนข้างมาก ครูจะเรียนรู้ไปกับเด็ก ผู้ปกครองหลายคนอาจจะขัดใจ คิดว่ายังไงครูก็ต้องเก่งกว่าเด็ก ครูยืนสอนเด็ก  ครูต้องเก่งกว่า เด็กจะเรียนรู้มากกว่าครูไม่ได้ ไม่มีทาง ... ซึ่งจากอดีตสู่ปัจจุบัน ระบบการเรียนการสอนของโรงเรียนดรุณสิกขาลัยก็ได้พิสูจน์แล้วว่าโรงเรียนนี้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง และเป็นอนาคตของการศึกษาไทยได้จริงๆ

การเรียนการสอนเมื่อก่อนหรือการเรียนในระบบนั้น สอนไป 10 เรื่อง อาจจะมี 5 เรื่องที่สูญหายไป การสอนให้ท่องจำก็เหมือนเป็นการตามก้น ประเทศไทยก็ตามก้นคนอื่นเขาตลอด เพราะเราสอนให้เด็กตามก้นครู ยืนอยู่หลังครู ในขณะที่ครูสอนอยู่หน้ากระดานดำก็หันหลังให้เด็กเช่นกัน ทั้งๆ ที่ ?เด็ก? เป็นสมบัติที่มีค่าของประเทศ ดังนั้น ?การศึกษาทางเลือก? จึงน่าจะไม่ใช่ของแถมอีกต่อไป แต่จะเป็นการศึกษาหลักที่เราสามารถนำไปปรับใช้ เพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน
 

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thairath.co.th/