ครูเลิศชาย ปานมุข

บทความดีดี => บทความดีดี คำคม ข้อคิดในการดำเนินชีวิต => ข้อความที่เริ่มโดย: เลิศชาย ปานมุข ที่ กรกฎาคม 30, 2015, 08:17:18 AM

หัวข้อ: "ความฝันโง่ ๆ" จาก "หนังสือความฝันโง่ ๆ" (วินทร์ เลียววาริณ)
เริ่มหัวข้อโดย: เลิศชาย ปานมุข ที่ กรกฎาคม 30, 2015, 08:17:18 AM

วันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ.1924 กลางม่านหมอกแห่งยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ชายสองคนเดินหายไปในความยะเยือกกับฝันโง่ๆ ของพวกเขา ไม่มีใครเห็นพวกเขาอีกเลย

จอร์จ มัลเลอรี เป็นชาวอังกฤษ เกิดที่ม็อบเบอรลีเชเชียร์ ชอบปีนป่ายแต่เล็ก เขาปีนตั้งแต่ต้นไม้ เสา ไปจนถึงอาคาร เมื่ออายุ 8 - 9 ขวบ เขาปีนขึ้นไปบนก้อนหินใหญ่ริมทะเลเมื่อน้ำลงเต็มที่ ด้วยความอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อน้ำขึ้น เขาเกือบจมน้ำตายเมื่อน้ำทะเลท่วมหินใหญ่

แม้รอดมาได้ เขาก็ไม่เลิกนิสัยปีนป่าย ในปี 1904 มัลเลอรีกับเพื่อนพยายามปีนเขาในเทือกเขาแอลป์ส แต่จำต้องเลิกกลางคันเพราะร่างกายไม่สามารถปรับตัวเข้ากับระดับความสูง เจ็ดปีต่อมา เขาพิชิตเขา มองท์ บลังค์

มัลเลอรีมีเลือดผจญภัยเข้มข้นยิ่ง ชอบปีนทั้งเขาหินและเขาเย็นยะเยือบ เมื่อเพื่อนร่วมทางบ่นท้อแท้ มัลเลอรีมักให้กำลังใจพวกเขา และเดินหน้าต่อไปในสถานที่ที่ไม่ปรากฎในแผนที่ บางสายทางที่เขาปีนป่ายเป็นทางที่ยากเย็นที่สุดแม้กับนักปีนเขาที่มีอุปกรณ์ทันสมัยในปัจจุบัน บางครั้งเกือบเอาชีวิตไม่รอด ครั้งหนึ่งหิมะถล่ม เพื่อนชาวเชอร์ปาตายไปเจ็ดคน เขารู้สึกเศร้า แต่ก็ยังไม่เลิกปีน

แล้วเข็มนาฬิกาของเขาก็ชี้ไปยังยอดเขาสูงที่สุดในโลก

ครั้งหนึ่งนักข่าวชาวนิวยอร์กถามมัลเลอรีว่า ทำไมเขาต้องการปีนเขาเอเวอเรสต์ เขาตอบเรียบ ๆ ว่า "เพราะมันอยู่ที่นั่น"

การปีนเขาสำหรับบางคนเป็นความโง่ สำหรับบางคนเป็นความฝัน

หลายคนมักบอกว่า การปีนป่ายสวนแรงดึงดูดของโลกสู่ชั้นบรรยากาศเบาบางเป็นกีฬาสำหรับคนโง่ กระทั่งสมน้ำหน้าเมื่อพวกเขาตายไป พิพากษาเขาเหล่านั้นด้วยประโยคที่ขึ้นต้นว่า "อยู่ดี ๆ ไม่ว่าดี..."

ความฝันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฝันของบางคนอาจดูโง่และไร้สาระกว่าของบางคน แต่ฝันก็คือฝัน พวกเขาเชื่อว่าไม่สมควรปล่อยให้ความฝันดับหายไปโดยไม่ลงมือทำอะไร ก็อย่างที่มัลเลอรีบอกกับเพื่อน "การปฏิเสธการผจญภัยก็เช่นเม็ดถั่วที่เหี่ยวแห้งตายไปคาฝักของมันเอง"

โลกเราเต็มไปด้วยความฝันโง่ ๆ

เอริค วีเลนไมเยอร์ เป็นคนตาบอด เขาฝันที่จะปีนขึ้นสู่เจ็ดยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก รวมทั้งยอดเอเวอเรสต์

คริส มูน ขาขาดจากกับระเบิด เขาฝันที่จะวิ่งมาราธอน

คริสโตเฟอร์ รีฟ เป็นอัมพาต หลังจากจากหลังม้า เขาฝันที่จะทำงานแสดงและกำกับภาพยนตร์ต่อไป

สตีเฟน ฮอว์คิง เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ เขาฝันที่จะรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอีกกาแล็คซีหนึ่ง

ฌอง-โดมินิค โบบี เป็นอัมพาตเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ เขาฝันที่จะเขียนหนังสือ ฯลฯ

เหล่านี้เป็นความฝันโง่ ๆ ไม่ใช่โง่ธรรมดา แต่โง่มาก ๆ

คนเหล่านี้เป็นคนที่ไม่มีศักยภาพในการทำเรื่องใหญ่ ๆ และหากพวกเขาเชื่ออย่างที่คนส่วนใหญ่เชื่อ พวกเขาก็ไม่มีวันได้ทำเรื่องใหญ่

คนเหล่านี้เป็นคนที่ฝันโง่ ๆ แต่ปฏิเสธที่จะคิดอย่างคนทั่วไปว่า มันเป็นไปไม่ได้

เจ็ดสิบห้าปีต่อมา นักปีนเขากลุ่มหนึ่งพบซากร่างของ จอร์จ มัลเลอรี กับเพื่อนใกล้ยอดเขาเอเวอเรสต์ ไม่มีใครรู้ว่า พวกเขาตายไประหว่างทางก่อนขึ้นไปถึงยอด หรือหลังลงจากเขา แต่มันไม่สำคัญ

บางทีสำหรับมัลเลอรี มันไม่สำคัญเลยที่จะเป็นคนแรก พวกเขาต้องปีนป่ายอยู่แล้ว "เพราะมันอยู่ที่นั่น"

พวกเขาเชื่อว่า ต่อให้เป็นฝันโง่ ๆ เพียงใด ก็ต้องทำให้สำเร็จ และราคาของความฝันโง่ ๆ นั้นคุ้มค่าเสมอ แม้ว่าต้องจ่ายด้วยความตาย

จุดแบ่งกั้นระหว่างความสำเร็จกับความล้มเหลวเป็นเส้นบาง ๆ เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน

อย่างที่นักเขียนท่านหนึ่งกล่าวว่า "มนุษย์ตายได้ แต่พ่ายแพ้ไม่ได้"


ที่มา :  จากตอนหนึ่งของคำนำในหนังสือ "ความฝันโง่ ๆ" โดย วินทร์ เลียววาริณ ในชุดหนังสือเสริมกำลังใจ ชุด 2
http://www.winbookclub.com และ gotoknow.org/blog/scented-book