(http://www.lertchaimaster.com/imageforum/thaihealth_c_bcehprsy1245.jpg)
เว็บไซต์ไทยรัฐ
บรรดาเนื้อสัตว์ที่เป็นแหล่งโปรตีนที่เรานำมาประกอบอาหาร เนื้อหมู นับเป็นเนื้อสัตว์อีกชนิดที่คนไทยนิยมทาน ยิ่งเป็นเนื้อหมูส่วนที่มีไขมันแทรกเล็กน้อยยิ่งอร่อย เพราะจะให้เนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่มละมุนลิ้น
เนื้อหมู นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งแบบทานสุกโดยนำมาผัด ต้ม แกง ทอด อบ หรือปรุงแบบทานดิบ เช่น เมนูลาบและก้อย ถ้านำมาปรุงให้สุกก่อนทานก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ถ้านำมาทานทั้งดิบๆ โดยแค่บีบมะนาวหรือนำแอลกอฮอล์มาราดแล้วเชื่อว่าเนื้อหมูสุกแล้วนั้นอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
เพราะในเนื้อหมูสดหรือดิบนั้น อาจมีเชื้อก่อโรคปนเปื้อนอยู่ ซึ่งการบีบมะนาวหรือการราดด้วยแอลกอฮอล์ไม่ได้ทำให้เชื้อก่อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในเนื้อหมูตายลงได้
แท้จริงแล้วการทานเนื้อหมูดิบ หรือแม้กระทั่งการใช้มือจับเนื้อดิบๆ โดยไม่ล้างมือแล้วไปหยิบจับอาหารชนิดอื่นที่ปรุงสุกแล้วเข้าปาก ร่างกายเราอาจได้รับเชื้อก่อโรคเข้าไปด้วยได้
เชื้อก่อโรคที่ว่า เช่น สแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส แบคทีเรียที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่มีออกซิเจนมากกว่าในสภาพไม่มีออกซิเจน ช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเติบโตคือ 35-40 องศาเซลเซียส
ปกติจะมีชีวิตอยู่ได้ในอากาศ ฝุ่นละออง ขยะมูลฝอย น้ำ และพบปนเปื้อนในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ปีก ผลิตภัณฑ์จากไข่และนม สลัด มะกะโรนี ขนมอบ เป็นต้น
เชื้อชนิดนี้ สามารถผลิตสารพิษที่เรียกว่า เอนเทอโรทอกซิน ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ ผู้ที่ติดเชื้อชนิดนี้ จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน เป็นตะคริวในช่องท้อง และอ่อนเพลีย
วันนี้ สถาบันอาหารได้สุ่มตัวอย่างเนื้อหมูสด จำนวน 5 ตัวอย่างจาก 5 ย่านการค้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อนำมาวิเคราะห์เชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส ปนเปื้อน
ผลปรากฏว่า เนื้อหมูสดทุกตัวอย่างพบเชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส ปนเปื้อน เห็นอย่างนี้แล้ว มีทางเลือกเดียวคือ ต้องปรุงให้สุกทุกครั้งก่อนนำมาทาน เพื่อความปลอดภัย
ที่มา : http://www.thaihealth.or.th/Content/34170