ครูเลิศชาย ปานมุข
เกร็ดความรู้ => เกร็ดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: เลิศชาย ปานมุข ที่ กุมภาพันธ์ 06, 2016, 11:51:45 AM
-
พระปีย์ vs พระเจ้าเสือ ใครคือโอรสลับของพระนารายณ์?
โดย เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์ คอลัมน์ ปริศนาโบราณคดี
ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ปีที่ 32 ฉบับที่ 1644 หน้า 76
กรณีพระโอรสลับของพระนารายณ์นั้น ถือเป็นประวัติศาสตร์ด้านมืดของกษัตริย์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาราชองค์สำคัญแห่งสยาม
แม้ปราชญ์ต้นรัตนโกสินทร์หลายคนพยายามปกปิด แต่มันกลับถูกเปิดเผยในพงศาวดารเหนือ และตำนานเมืองเชียงใหม่
ทุกวันนี้เริ่มมีการยอมรับทฤษฎีที่ว่าพระนารายณ์ทรงแอบมีโอรสลับอย่างกว้างขวางขึ้น
แต่ประเด็นที่ผู้คนยังคาใจมีอยู่ว่า ใครเล่าคือโอรสลับพระองค์นั้น?
"พระเจ้าเสือ" หรือ "พระปีย์ "?
เหตุเพราะมันมีกลิ่นตุทะแม่งๆ อะไรบางอย่าง ที่คล้ายว่าจะผิดฝาผิดตัว!
มีชายาเป็นสาวล้านนา
น่าอายนักหรือ?
ความเชื่อที่ว่าพระเจ้าเสือคือโอรสของพระนารายณ์ เป็นเรื่องเล่าย้อนหลังจากความทรงจำของเชลยศึกล้านนา ภายหลังจากเสียกรุงครั้งที่ 2 ในทำนองว่า พระเจ้าเสือ หรือสมเด็จพระศรีสรรเพชญที่ 8 นั้น แท้จริงหาได้เป็นพระโอรสของพระเพทราชาไม่ หากแต่มีพระราชบิดาเป็นสมเด็จพระนารายณ์ต่างหาก
โดยอ้างเหตุการณ์ปี พ.ศ.2204 ตอนที่พระนารายณ์ยกทัพไปปราบล้านนา ซึ่งช่วงนั้นเป็นเมืองขึ้นของอังวะ ชาวพม่าให้เชียงใหม่ปกครองตนเองโดยมีเจ้าเมืองชื่อพระยาแสนหลวง กองทัพเชียงใหม่พ่ายแพ้แก่อยุธยา จำต้องยอมถวายราชธิดาชื่อนางกุสาวดีให้เป็นบาทบริจาริกา
ความตอนนี้เอกสารเริ่มบันทึกอย่างไขว้เขว บ้างก็ว่าครั้นเสร็จศึกล้านนาต้องเสด็จกลับกรุงศรีฯ พระนารายณ์แวะกราบนมัสการพระพุทธชินราชที่พิษณุโลก ปรากฏว่าพระเพทราชา ขณะนั้นเป็นจางวางกรมช้างหรือหลวงคชบาล ได้แอบสังวาสกับราชธิดาเชียงใหม่ สร้างความอดสูใจเกินกว่าจะให้พระนารายณ์ยอมรับนางกลับมาเป็นสนมได้อีก จึงยกให้พระเพทราชาไปเลย
อ่านแล้วช่างไม่สมเหตุสมผล หากจริงตามที่เขียนโทษสถานเดียวที่ควรได้รับคือโดนตัดหัว แสดงว่าประวัติศาสตร์หน้านี้มีวาระอะไรซ่อนเร้นอยู่
แต่บางเล่มกล่าวว่า เมื่อพระนารายณ์เสด็จกลับถึงอยุธยา เกิดอับอายชาวพาราที่ทำแม่ญิงลาวตั้งท้อง ในช่วงใกล้คลอดพระโอรส พระนารายณ์จึงได้หาเหตุให้พระเพทราชาพาสนมลับหลบหนี แสร้งไปกราบนมัสการพระพุทธชินราช แต่เดินทางยังไม่ทันถึง คลอดเสียก่อนที่ตำบลโพธิ์ประทับช้าง (ปัจจุบันอยู่ในพิจิตร) เหตุที่มีผิวพรรณวรรณะสุกใสจึงให้ชื่อว่า "มะเดื่อ" จากนั้นจึงขอให้พระเพทราชารับว่าเป็นพ่อ
มาถึงตอนนี้ชักเริ่มสงสัยเสียแล้วว่า "เจ้าเดื่อ" (หลวงสรศักดิ์/พระเจ้าเสือ) เป็นลูกของใครกันแน่ คงมีแต่นางกุสาวดีคนเดียวเท่านั้นที่รู้ดี
มีตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้องด้านสถานที่คือพิษณุโลก กับด้านบุคคลคือพระเพทราชา ผู้เป็นพระสหายร่วมแม่นมเดียวกัน แต่เดิมสนิทสนมรักใคร่กลมเกลียวในช่วงวัยหนุ่ม ก่อนจะมาจบฉากแย่งชิงบัลลังก์กันตอนวัยกลางคน ด้วยนโยบายการเมืองที่ต่างขั้ว (แดงเหลือง) คือคนหนึ่งเสรีนิยมคลั่งฝรั่งแต่อีกคนจารีตนิยมคลั่งชาติ
ตำนานฝ่ายเหนือระบุว่า เมื่อเจ้าเดื่อโตขึ้นได้เป็นมหาดเล็ก พระนารายณ์พยายามสื่อนัยยะบางอย่างให้เจ้าเดื่อรู้ว่าคือลูก
อาทิ ชวนมาส่องกระจกดูว่าคนทั้งสองหน้าตาเหมือนกันหรือไม่ จนเจ้าเดื่อได้ใจมักเอาเศษอาหารในจานเสวยไปกินต่อทุกครั้ง ติดนิสัยกร่างผสมเกรียนไม่เคยเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนตั้งแต่วัยรุ่น
ต่อมาเจ้าเดื่อได้รับพระราชทานยศเป็น ออกญาสุรศักดิ์ หรือหลวงสรศักดิ์
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงมีวินิจฉัยว่า มิได้ปรากฏในพงศาวดารกรุงเก่าที่บันทึกเหตุการณ์จริงร่วมสมัย แต่มาแต่งเติมภายหลัง กล่าวคือ สมเด็จในกรมไม่เชื่อว่าพระนารายณ์จะมีโอรสลับ
ซึ่งวินิจฉัยของท่านก็น่าสนใจ เพราะหากหลวงสรศักดิ์รู้อยู่เต็มอกว่าตนเป็นพระโอรสลับของพระนารายณ์ เหตุไฉนจึงสมรู้ร่วมคิดกับพ่อบุญธรรมคือพระเพทราชาจัดการฆ่าพ่อโดยสายเลือดของตัวเอง ในช่วงที่ประชวรหนัก ไยไม่ถือโอกาสประจบขอเอาราชสมบัติ?
ฤๅหลวงสรศักดิ์แบกความน้อยเนื้อต่ำใจมาทั้งชีวิตต่อการที่พ่อไม่ยอมรับตัวเป็นโอรสอย่างเปิดเผย หรืออาจจะเคยรู้มาก่อนว่าพ่อเองก็มีปูมหลังเคยฆ่าพ่อ (พระเจ้าปราสาททอง) ซึ่งเป็นปู่ของตน และนี่ก็คือธรรมเนียมการแย่งชิงบัลลังก์ของผู้ที่เข้มแข็งกว่าจึงเอาอย่างบ้าง
เอกสารของนายพลเดส์ฟาร์จชาวฝรั่งเศส บันทึกเหตุการณ์ช่วงพระนารายณ์ใกล้สวรรคตว่า พระองค์ทรงโทมนัสที่เสียรู้ต่อ "กบฏสองพ่อลูกคู่นี้" ยิ่งนัก มิมีตอนใดเลยที่บอกว่าพระองค์ทรงเจ็บใจต่อลูกในไส้ที่ฝากเขาไปเลี้ยง
ฝ่ายพระยาแสนหลวงนั้นเล่า แม้จะเป็นเชลยศึกที่ถูกเกณฑ์มาอยู่กรุงศรีอยุธยา แต่ก็มิได้มีฐานะต่ำต้อย มีเรื่องราวปรากฏว่าเจ้าเชียงใหม่เคยตอบโต้คำโคลงกับมหากวีศรีปราชญ์ผู้ที่พระนารายณ์โปรดปราน ดังบทที่เราคุ้นเคยตอนที่ท่านถามศรีปราชญ์ว่า ชื่อ "ศรีหรือรังสี" นี้พระนารายณ์ตั้งให้เมื่อไหร่ ทั้งๆ ที่มีเนื้อตัวดำคล้ำ
รังสีพระเจ้าฮื่อ(หื้อ=ให้) ปางใด (พระยาแสนหลวงถาม)
หื้อเมื่อพระเสด็จไป ป่าแก้ว (ศรีปราชญ์ตอบ)
รังสีบ่สดใส สักหยาด
ดำแต่นอกในแผ้ว ผ่องเนื้อนพคุณ
หลักฐานด้านวรรณกรรมฟ้องชัดว่าเจ้าเมืองเชียงใหม่มีฝีไม้ลายมือด้านโคลงสามารถต่อกรกับกวีเอกอย่างศรีปราชญ์ได้ หากทรงมีสถานะเป็นพ่อตาของพระนารายณ์จริง ก็ยิ่งน่าจะเป็นที่สบพระทัยน่าภาคภูมิใจให้แก่ลูกเขยผู้คลั่งไคล้กวีนิพนธ์มากกว่าจะสร้างความอับอาย
อันที่จริง เรื่องการได้แม่ญิงล้านนามาเป็นดองกันนั้น หากวิจารณา ย่อมนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการเมืองต่อฝ่ายตนได้ด้วยซ้ำ นั่นคือใช้เป็นเครื่องมือทวงสิทธิผนวกดินแดนและอำนาจที่อยุธยามีเหนือล้านนาโดยผ่านชายา
ยิ่งเมื่อหลวงสรศักดิ์ครองราชย์เป็นพระเจ้าเสือ หากพระองค์มีมารดาเชื้อสายราชวงศ์เชียงใหม่จริง ไยจึงไม่ทำการยึดล้านนามาเป็นส่วนหนึ่งของอยุธยาอย่างเบ็ดเสร็จ เหมือนดั่งที่พระบรมไตรโลกนาถอ้างสิทธิ์ต่อกำแพงเพชร-ศรีสัชนาลัยในฐานะที่มีมารดาเป็นราชธิดาสุโขทัย หรือพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้าง ยกทัพมายึดล้านนา-เชียงแสน โดยอ้างว่ามีชนนีเป็นเจ้าหญิงเชียงใหม่
ไฉนพระเจ้าเสือจึงปล่อยให้ล้านนาหลุดมือไปอยู่ภายใต้อำนาจพม่าได้ง่ายๆ เล่า ช่างไม่สมกับฉายาและนิสัยอันดุดันชอบพะบู๊เอาเสียเลย
ฤๅว่าสิทธิ์นั้นแท้จริงแล้วใช้อ้างไม่ได้ ด้วยตนเป็นโอรสที่เกิดจากพระเพทราชา หาใช่พระนารายณ์?
พระปีย์ โอรสบุญธรรมหรือโอรสลับ?
ในขณะที่ พระปีย์ หรือหม่อมปีย์ ชื่อก็ฟ้องชัดอยู่แล้วว่าช่างเป็นที่รักที่ใคร่ยิ่งนัก (ปีย์ = ปิยะ)
ในบันทึกของบาดหลวงฝรั่งเศสระบุว่า น่าจะเป็นโอรสลับหรือโอรสที่แท้จริงของพระนารายณ์มากกว่าเป็นโอรสบุญธรรม
แต่เหตุที่มีรูปร่างอัปลักษณ์เตี้ยค่อมพิกลพิการ ดังที่พระนารายณ์มักเรียกอย่างหยอกล้อว่า "อ้ายเตี้ย" จึงอาจรู้สึกอับอายแล้วฝากให้คนอื่นเลี้ยง
เอกสารฝ่ายไทยเขียนถึงพระปีย์คร่าวๆ แค่ว่าเป็นบุตรของขุนไกรสิทธศักดิ์ ชาวบ้านแก่งเมืองละโว้ พระองค์รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ พูดจาอ่อนหวานอัธยาศัยดีจึงรับมาเป็นบุตรบุญธรรม เหตุเพราะทรงไม่มีโอรส มีแต่พระราชธิดาองค์เดียวคือเจ้าฟ้าสุดาวดี (กรมหลวงโยธาเทพ)
พระนารายณ์ยกพิษณุโลกให้พระปีย์ปกครอง นอกเหนือจากละโว้แล้ว เมืองที่พระนารายณ์ทรงโปรดปรานรองลงมาก็คือพิษณุโลก หรือนี่คือคำตอบว่าทำไมพระนารายณ์จึงชอบไปกราบพระพุทธชินราชบ่อยๆ พระปีย์อาจเป็นโอรสของพระนารายณ์กับหญิงชาวบ้านเมืองเหนือ แล้วฝากขุนไกรสิทธศักดิ์เลี้ยงหรือเปล่า?
ที่แน่ๆ "พระปีย์" เป็นคนเดียวที่พระนารายณ์หมายมั่นปั้นมือไว้ในตำแหน่งรัชทายาทหมายเลข 1 ถึงขนาดที่ทรงขอร้องให้เจ้าฟ้าสุดาวดี อภิเษกสมรสกับพระปีย์ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะฝ่ายหญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อเจ้าฟ้าอภัยทศ อาของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว
พระปีย์รับสนองนโยบายเปิดประเทศสู่ตะวันตกทำงานเป็นคู่หูเข้าขากับเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือฟอลคอน เสมือนมือซ้าย-ขวา
พระปีย์คอยปรนนิบัติอยู่ข้างเตียงพระบรรทมของพระราชบิดาเลี้ยง (หรือจริง?) ตราบลมหายใจสุดท้าย และเมื่อพระเพทราชายึดอำนาจจากพระนารายณ์ได้ กำลังจะสำเร็จโทษพระปีย์ด้วยท่อนจันทน์ พระนารายณ์ถึงกับกันแสงฟูมฟายกู่ตะโกนด้วยเสียงอันแหบแห้งว่า อยากได้อะไรก็เอาไปแต่ขอให้ไว้ชีวิตแก่พระปีย์สักครั้ง!
น่าคิดไม่น้อย ว่าพระปีย์คือใครมาจากไหน ไยจึงมีความสำคัญต่อพระนารายณ์ยิ่งกว่าชีวิตของพระองค์เอง?
ฝ่ายไหนทวงสิทธิ์เรื่องพระโอรสลับ?
การเปิดเผยว่าพระนารายณ์มีโอรสลับ ใครเป็นผู้เขียนและใครได้ประโยชน์
ชวนให้นึกถึงกรณีที่พระเจ้าปราสาททองก็เคยอ้างสิทธิ์ว่าเป็นพระโอรสลับของพระเจ้าทรงธรรม โดยสร้างตำนานเกาะบางปะนางอินขึ้น ผูกเรื่องให้พระเจ้าทรงธรรมเสด็จมาเสพสังวาสกับหญิงชาวบ้านชื่ออินแล้วเกิดตั้งครรภ์ถูกทอดทิ้ง ทั้งๆ ที่ในความจริงนั้นทรงมีบิดาเป็นขุนนางชื่อ ออกญาศรีธรรมาธิราช
หากการเปิดปูมหลังเรื่องพระโอรสลับ เป็นประวัติศาสตร์ที่เขียนโดยทายาทราชวงศ์บ้านพลูหลวง เพื่อต้องการกลบเกลื่อนความด่างพร้อยของราชวงศ์ โดยยอม "โดดเดี่ยว" พระเพทราชาให้กลายเป็นทรราชเพียงลำพัง แล้วแยกกษัตริย์ลำดับองค์ต่อๆ มาทั้งยวงออกไปให้พ้นจากมลทิน นับแต่พระเจ้าเสือ พระเจ้าท้ายสระ พระบรมโกศ ขุนหลวงหาวัด และพระเจ้าเอกทัต โดยเบี่ยงเบนให้พระเจ้าเสือเป็นรัชทายาทสืบสายมาจากพระนารายณ์แห่งราชวงศ์ปราสาททอง ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก
แต่จะเป็นไปได้ล่ะหรือ ในเมื่อปราชญ์สยามสมัยต้นรัตนโกสินทร์ทุกคนตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อราชวงศ์บ้านพลูหลวงเสียแล้ว ไม่ว่าพระเจ้าเสือจะเป็นโอรสใคร อย่างไรเสีย "พระเพทราชา-พระเจ้าเสือ" สองพ่อลูกก็คือผู้ร้ายตลอดกาลอยู่ดี
เว้นแต่ว่าเป็นการเขียนขึ้นโดยชาวเหนือ เพื่ออ้างสิทธิ์ความสัมพันธ์ด้านรัชทายาทระหว่างสองอาณาจักร ล้านนา-อยุธยา ให้กระชับแน่นยิ่งขึ้น
เป็นการส่งสัญญาณขอให้สยามช่วยปลดปล่อยล้านนาให้พ้นจากพม่า?
ใครที่ยังเชื่อว่าพระเจ้าเสือคือโอรสลับของพระนารายณ์ที่แอบฝากให้พระเพทราชาเลี้ยง คงต้องทบทวนหาพงศาวดารหลายฉบับทั้งไทย ฝรั่ง ล้านนา พม่า มาอ่านยันกันใหม่
เช่นเดียวกับใครที่เคยสงสัยว่าพระปีย์เป็นใคร มีเสน่ห์อะไรนักหนาจนพระนารายณ์หลงใหลได้ปลื้มรับมาเป็นบุตรบุญธรรม ก็น่าจะคลำทางพบคำตอบพอเป็นเลาๆ บ้างแล้วกระมัง
ที่มา : http://botkwamdee.blogspot.com/2012/02/p-pvss.html