เกร็ดความรู้ > ประวัติบุคคลสำคัญของโลก

โฮจิมินห์ ความยิ่งใหญ่ในความสามัญ

(1/1)

เลิศชาย ปานมุข:


นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) ? พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955)

ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) ? พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969)

เกิด 19  พฤษภาคม พ.ศ. 2433  ในจังหวัดเงอัน  เวียดนาม

ถึงแก่อสัญกรรม 2 กันยายน พ.ศ. 2512 กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

สังกัดพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม


*********************************

ปณิธานโฮจิมินห์
"ข้าพเจ้ามีความปรารถนาสูงสุดอยู่ประการหนึ่ง นั่นคือทำอย่างไรให้ประเทศของเราได้รับอิสรภาพและประชาชนมีเสรีภาพอย่างแท้ จริง เพื่อนร่วมชาติทุกคนมีข้าวกินมีเสื้อผ้าใส่ และมีโอกาสได้ศึกษาร่ำเรียน"

โฮจิมินห์  คือนักปฏิวัติชาวเวียดนาม ซึ่งในภายหลังได้กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม (เวียดนามเหนือ) หลังจากสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ไซ่ง่อน เมืองหลวงเก่าของเวียดนามใต้ ได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นโฮจิมินห์ซิตี เพื่อเป็นเกียรติแก่โฮจิมินห์

ประวัติโฮจิมินห์

                โฮ จิมินห์เกิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2433 ที่หมู่บ้านฮองตรู จังหวัดเงอัน ตอนบนของประเทศเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2454 โฮได้ยายจากเวียดนามไปเป็นพ่อครัวในประเทศฝรั่งเศส ประเทศซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของเวียดนามในขณนั้น และได้ศึกษาเรียนต่อที่นั่น ต่อมาโฮก็ได้ย้ายจากฝรั่งเศสไปสหรัฐอเมริกาและอังกฤษตามลำดับ หลังจากนั้นโฮได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเมื่อรัฐบาลก๊กมินตั๋งของเจียงไคเช็คเริ่มการปราบปรามคอมมิวนิสต์นั้น โฮก็ได้หลบหนีจากจีนมายังจังหวัดนครพนม ประเทศไทย โดยได้บวชเป็นพระภิกษุทำการสอนลัทธิคอมมิวนิสต์ให้ชาวไทย

                โฮจิมินห์เดินทางกลับมาเวียดนามอีกครั้งในปี พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) ด้วยการที่รวบรวมชาวเวียดนามส่วนใหญ่แล้วตั้งเป็นฝ่ายเวียดมินห์ เตรียมแผนที่จะประกาศเอกราชจากฝรั่งเศสให้ประชาชนชาวเวียดนาม

                โฮจิมินห์ประกาศจัดตั้งคอมมิวนิสต์เวียดนามหลังจากจักรพรรดิบ๋าวได๋ จักรพรรดิเวียดนามพระองค์สุดท้ายประกาศสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2497 เวียดนามก็ได้ประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในสมรภูมิเดียนเบียนฟู

                ในปี พ.ศ. 2502 สงครามเวียดนามได้อุบัติขึ้น สหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรอื่นๆ ก็ได้เข้าร่วมสงครามด้วย แต่ผลสุดท้ายเวียดนามเหนือเป็นฝ่ายชนะในปี พ.ศ. 2518 แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่โฮจิมินห์มิได้อยู่ถึงการชื่นชมชัยชนะในปี พ.ศ. 2518 ด้วยเหตุที่ว่าเขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2512 ที่บ้านพักในกรุงฮานอย

                โฮจิมินห์ซิตี้ หรือ ชื่อเดิม ไซ่ง่อน เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

ไซ่ง่อน ในอดีตเคยเป็นเมืองในการปกครองของเขมรมาก่อน ต่อมาเมื่อแยกเป็นประเทศเวียดนาม ไซ่ง่อนเป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ เมื่อเวียดนามเหนือยึดได้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น โฮจิมินห์ซิตี ตามชื่อผู้นำเวียดมินห์ คือ โฮจิมินห์

การคมนาคม

                ชาวเวียดนามในโฮจิมินห์ซิตีส่วนใหญ่เดินทางโดยรถจักรยานยนต์ มีรถแท๊กซี่บริการโดยมีหลายบริษัท และมีรถประจำทางบริการ เรียกว่า ไซกอนบัส (Saigon)
 
ประเทศเวียดนามเหนือ

                เวียดนามเหนือ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม (ภาษาเวียดนาม: Vi?t Nam D?n Ch? C?ng H?a) คือประเทศที่เกิดจากการรวมของจังหวัดตังเกี๋ยและอันนามของฝรั่งเศส ประกาศก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 กันยายนพ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) โดยประธานาธบดีโฮจิมินห์ ตั้งอยู่บริเวณครึ่งบนของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน

ประวัติเวียดนาม

                หลังสงครามโลกครั้งที่ 2ยุติ ลงในปี พ.ศ. 2484 เวียดนามได้ประกาศที่จะต่อสู้เพื่อให้เวียดนามหลุดพ้นจากสภาพการเป็น อาณานิคมของฝรั่งเศสอย่างเปิดเผย ด้วยความต้องการที่จะเป็นเอกราช จึงได้มีการสู้รบกันอย่างหนักเป็นเวลานานถึง 8 ปี จนกระทั้งกองกำลังเวียดมินห์ ของพรรคนิยมคอมมิวนิสต์เวียดนามสามารถโจตีป้อมปราการสำคัญของฝรั่งเศส ที่เดียนเบียนฟูแตกลงในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 วิกฤตการณ์สงครามครั้งนั้นมีทางที่จะรุกรานจนกลายเป็นสงครามระหว่างประเทศ ฝรั่งเศสยอมรับความปราชัยและต้องสงบศึก ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการลงนามใน ?อนุสัญญาเจนีวา พ.ศ. 2497? ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีผลให้เวียดนามถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ โดยมีเส้นขนานที่ 17 องศาเหนือเป็นเส้นแบ่งเขตเวียดนามเหนือ ยึดถือการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ภายใต้การนำของโฮจิมินห์

                ต่อมา เมื่อมีความพยายามที่จะรวมเวียดนามทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน เวียดนามเหนือจึงได้ส่งกำลังกองโจรเวียดกงเข้าก่อกวนและแทรกซึมเข้าไปใน เวียดนามใต้อย่างต่อเนื่อง โดยแฝงเข้ามาในลักษณะผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 เรื่อยมา จากนั้นได้มีการปฏิบัติรุกรานด้วยอาวุธ และกำลังทหารอย่างรุนแรง ตลอดจนโฆณาชวนเชื่อชักจูงใจราษฎรเวียดนามใต้ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี ประกอบการดำเนินการนโยบายด้านการบริหารประเทศของรัฐบาลเวียดนามใต้ประสบความ ล้มเหลว จึงไม่สามารถต่อต้านได้เพียงลำพังตนเอง และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากมิตรประเทศฝ่ายโลกเสรี

                เมื่อปี พ.ศ. 2508 เวียดนามใต้ตกอยู่ในจุดล่อแหลมที่สุดจนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ส่งกำลังทหารเข้าไปปฏิบัติการในเวียดนามใต้พร้อมด้วยกำลังทหารของพันธมิตรอีก 6 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สเปน ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และประเทศไทย ซึ่งผลออกมาก็คือการพ่ายแพ้ของสหรัฐฯ ทำให้ 2 ประเทศรวมเข้าด้วยกันในนามของประเทศเวียดนามที่มีการปกครองระบอบสาธารณรัฐ สังคมนิยมที่ปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์ดั่งเช่นการปกครองของเวียดนามเหนือ

สงครามอินโดจีน : สงครามเอกราชเวียดนาม

                วันที่ ๒ กันยายน ๒๔๘๘ แม้ว่าฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ชนะสงครามจะตกลงกันให้จักรภพอังกฤษและทหารจีนคณะ ชาติเข้ายึดครองอินโดจีนเอาไว้คอยฝรั่งเศสกลับมาก็ตาม แต่ด้วยความเชื่อมั่นว่าตนมีความเข้มแข็งพอแล้ว โฮจิมินห์ในฐานะประธานพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ยืนขึ้นบนเฉลียงตึกโรงละคร แบบฝรั่งเศสในกรุงฮานอย เคียงข้างเขาเป็นธงสีแดงมีรูปดาวสีเหลือง ๑ ดวงตรงกลาง ประกาศอิสรภาพเวียดนามว่า

                ทุกคนถือกำเนิดเท่าเทียมกัน มีสิทธิเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง สิทธิเหล่านี้ได้แก่สิทธิแห่งการดำรงชีวิต มีเสรีภาพ และแสวงหาความสุข?

                แต่ เพียงปีกว่าให้หลัง โฮก็พาพรรคพวกออกจากกรุงฮานอย และระบุชื่อข้าศึกของญวนอย่างชัดเจน-ฝรั่งเศส โฮคิดว่าเขาคงจะทำสงครามกับฝรั่งเศสเท่านั้น และไม่เคยคิดที่จะทำสงครามกับชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก-สหรัฐอเมริกา

                โฮจิมินห์แก่เกินไปที่จะได้เห็นบั้นปลายของสงคราม คำสั่งเสียก่อนตายของเขาระบุถึงข้าศึกผู้ยิ่งใหญ่ของเขา
                การต่อสู้อย่างกล้าหาญของเราต่อสหรัฐอเมริกา ผู้รุกราน เราจะพบกับความยากลำบากและเสียสละอย่างสูง แต่เราเชื่อมั่นว่า เราจะชนะในที่สุด และนั่นเป็นความจริงอย่างแท้จริง?

                โฮจิมินห์คงคิดไม่ถึงว่า ?เราจะชนะในที่สุด? ไม่นานอย่างที่เขาคิด เพราะเพียง ๖ ปีหลังจากเขาถึงแก่กรรม สหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดีกล่าวเองว่า-สหรัฐอเมริกาสูญเสียเวียดนามแล้ว

การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ

                เชื้อสายคอมมิวนิสต์จากการปฏิวัติในรัสเซียได้แผ่เข้าไปในฝรั่งเศส เป็นพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศสตั้งแต่ยุคต้นของลัทธิคอมมิวนิสต์ โฮจิมินห์เป็นผู้หนึ่งที่เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศสตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ (ค.ศ.๑๙๒๐)และ ๕ ปีต่อมาเขาได้เป็นผู้หนึ่งในการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ญวนขึ้นในกว่างตง (กวางตุ้ง) พรรคนี้เติบโตขึ้นเป็นลำดับแม้ว่าจะอยู่นอกประเทศก็ตามและบางครั้งทำท่าจะ แตกแยก โฮก็รวบรวมคุมไว้ได้ ต่อมาในปี ๒๔๗๓ เกิดความอดยากแห้งแล้ง พรรคของโฮฯได้ยุยงชาวนาก่อการกบฏและทำได้รุนแรงกว่ากลุ่มชาตินิยมที่เคย กระทำมา แต่พรรคคอมมิวนิสต์ก็ยังเติบโตไม่พอและการกวาดล้างอย่างทารุณโหดร้ายทำให้ กบฏต้องหลบลงไป

                ความพ่ายแพ้ขอฝรั่งเศสในยุโรปต่อเยอรมนีในปี ค.ศ. ๑๙๔๐ ได้เปลี่ยนรัฐบาลฝรั่งเศสเป็นรัฐบาลหุ่นของเยอรมัน แต่ความตกลงที่ฝรั่งเศสทำกับเยอรมันไม่มีผลถึงอินโดจีน อินโดจีนยังเป็นของฝรั่งเศสและข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศสก็ยังปกครองอินโดจีนอยู่ แม้จะไม่ชอบหน้ารัฐบาลหุ่นของตัวเองก็ตามที ในปีนี้นั้นเองญี่ปุ่นก็ได้ก้าวเข้ามาในอินโดจีนโดยนัยว่าเข้ามาเป็นผู้ไกล่ เกลี่ยกรณีพิพาทของไทยโดยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงครามกับรัฐบาลวิชีของฝรั่งเศสอันเนื่องจากรัฐบาลไทยได้เรียกร้อง เอาดินแดนในอินโดจีนที่ไทยเคยเสียให้ฝรั่งเศสไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อนคืน มา(เพราะเห็นว่าฝรั่งเศสอ่อนกำลังลงในยุโรปและคงจะไม่สามารถจะปกป้องดินแดน ในอินโดจีนได้) ทั้งนี้ความประสงค์ของญี่ปุ่นที่หันเหมายังอินโดจีนก็เพื่อสร้างวงไพบูลย์ มหาเอเชียบูรพา เพื่อการนี้ญี่ปุ่นจึงได้ขอใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่ตังเกี๋ย

                คำตอบจากฝรั่งเศสล่าช้าทำให้ญี่ปุ่นใช้กำลังเข้าโจมตีชายแดนและไฮฟอง จนฝรั่งเศสยอมให้ญี่ปุ่นคุมสนามบินและท่าเรือทุกแห่งได้ และภายหลังที่ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์แล้ว ข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศสก็ต้องยอมร่วมมือกับญี่ปุ่นให้อินโดจีนเป็นทางผ่านของ กองทัพญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเองไม่ขัดขวางแต่อย่างใดต่อการที่ฝรั่งเศสดำเนินการปราบปรามพวกกบฏในเวียดนาม

                ใน ปี พ.ศ. ๒๔๘๗ (ค.ศ. ๑๙๔๔) ญี่ปุ่นเริ่มอ่อนกำลังลงในทางแปซิฟิกและฝ่ายสัมพันธมิตรมองเห็นชัยชนะอยู่ รำไร ฐานะของอินโดจีนจึงถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณา ประธานาธิบดีรูสเวลท์ของสหรัฐฯเห็นว่า ฝรั่งเศสควรปล่อยอินโดจีนเสียที ขณะเดียวกันกองทัพจีนคณะชาติของเจียงไคเชคก็ประสงค์จะเข้าไปมีอิทธิพลบริเวณ ตังเกี๋ยอย่างที่จีนเคยมีในสมัยโบราณ

                เมื่อสัมพันธมิตรปลดปล่อยฝรั่งเศสจากการยึดครองของเยอรมันได้แล้ว ฝรั่งเศสในอินโดจีนก็คิดจะขับไล่กองทัพญี่ปุ่นให้ออกไปจากอินโดจีนบ้าง สหรัฐอเมริกาได้ส่งอาวุธทางอากาศให้แก่ทหารฝรั่งเศสในอินโดจีนเท่าที่สหรัฐฯ เห็นว่าจำเป็น แต่ญี่ปุ่นก็รู้และไหวตัวทันยังคงควบคุมการบริหารบ้านเมืองไว้ได้

                วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๔๘๗ ญี่ปุ่นได้แจ้งแก่จักรพรรดิเบาได๋ว่า จักรวรรดิของพระองค์เป็นอิสรภาพจากฝรั่งเศสแล้วหลังจากอยู่ในอาณานิคมของ ฝรั่งเศสเป็นเวลา ๖๐ ปีพระเจ้าจักรพรรดิก็ชอบใจเป็นธรรมดาที่จะได้ปกครองบ้านเมืองเองด้วยการหนุน หลังจากญี่ปุ่น การปกครองของพระเจ้าเบาได๋ดูจะพอไปได้ แต่ก็เพียงบางส่วนเท่านั้นและเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามโลก ก็เหลือแต่เพียงพรรคคอมมิวนิสต์ที่เป็นกลุ่มหรือสถาบันเดียวที่มีแผนและจัด ระเบียบไว้ อันสามารถจะปกครองประเทศได้ข้อตกลงที่กรุงเตหะรานและเมืองปอตสดัมตกลงกันว่า ทหารจักรภพอังกฤษจะยึดครองอินโดจีนใต้เส้นขนานที่ ๑๖ และทหารจีนคณะชาติจะอยู่เหนือเส้นขนานนั้นขึ้นไป (การ เข้ามาปลดอาวุธกองทหารญี่ปุ่นในไทย เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุดลงนั้น บางคนในคณะรัฐมนตรีของนายควง อภัยวงศ์ ได้เสนอที่จะให้กองทัพจีนของเจียงไคเช็คเป็นผู้เข้ามาปลดอาวุธกองทัพทหาร ญี่ปุ่นในประเทศไทยตั้งแต่เหนือเส้นขนานที่ ๑๖ ขึ้นไป คือตั้งแต่เส้นขนานที่ลากผ่านอำเภอบางมูลนากจังหวัดนครสวรรค์ อำเภอเสลภูมิจังหวัดร้อยเอ็ดขึ้นไป แต่ท่านปรีดี พนมยงค์ มีความเห็นว่าหากยอมให้กองทัพมหึมาของจีนส่งทหารเข้าในไทยประมาณล้านคน ปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นเพียงแสนกว่าคน ก็ยากที่เราจะผลักดันให้ทหารจีนนับล้านคนออกไปจากแผ่นดินไทยได้.ท่านปรีดี จึงรีบโทรเลขติดต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตร จนในที่สุดกองกำลังของฝ่ายสัมพันธมิตรภายใต้การบัญชาของนายพล ลอร์ด หลุยส์ เมาท์แบตเทนก็เป็นผู้เข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยแต่เพียงฝ่าย เดียว ประเทศไทยจึงรอดพ้นจากการถูกแบ่งออกเป็นเหนือ-ใต้ นับเป็นคุณูปการอย่างยิ่งอีกประการหนึ่งที่ท่านปรีดี พนมยงค์ ได้กระทำให้แก่คนไทย-แผ่นดินไทย ซึ่งคนไทยรุ่นหลังไม่ทราบ)

                ความหวังของคนเวียดนามที่คิดว่าจะได้อิสรภาพหลังสงครามโลกสิ้นสุดลงจึงล้มเหลว แต่ด้วยความเชื่อมั่นว่าตนมีความแข็งแรงพอแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์ก็ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐเวียดนามที่ฮานอยให้เป็นอิสรภาพใน วันที่ ๒ กันยายน ๒๔๘๘ และไม่กี่วันต่อมาจักรพรรดิเบาได๋ก็ประกาศสละราชสมบัติ

                จุดเด่นของพรรคคอมมิวนิสต์ในเวียดนามที่ทำงานได้ผลกว่ากลุ่มชาตินิยมหรือกลุ่ม ชาวญวนอื่นๆ ในการกอบกู้อิสรภาพอยู่ที่อุดมคติที่ได้รับมาจากเลนินและเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ ลัทธินายทุนที่ฝรั่งเศสใช้อยู่ในอินโดจีน รัสเซียเองก็จ้องดูผลประโยชน์ที่ตนแพร่ลัทธิไว้และเฝ้ามองการต่อต้าน จักรวรรดินิยมในเอเชียอยู่เหมือนกันแต่ด้วยความใกล้ชิดกับจีนและเนื้อแท้ของ เวียดนามคล้ายจีนมากกว่ารัสเซีย โฮจิมินห์จึงเลือกวิธีของเหมาเจ๋อตงมาดำเนินการด้วยความเข้าใจ ด้วยความใจเย็น ความอดทน และการทำงานหนักในการรวบรวมพลังของมวลชนอันได้แก่ชาวนาเป็นส่วนใหญ่

                ในการต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่นในอินโดจีนก่อนสงครามโลกยุติลงนั้น พวกชาตินิยมได้เข้ามาร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์และได้รับการสนับสนุนจากฝ่าย สัมพันธมิตร นับตั้งแต่เรื่องการข่าว การช่วยเหลือเชลยศึกและการรบแบบกองโจร ซึ่งก่อนนั้นในปี พ.ศ. ๒๔๘๖ พวกคอมมิวนิสต์อยู่ได้แต่ตามเทือกเขาแถบตังเกี๋ยเท่านั้น แต่สองปีต่อมาคือในปี ๒๔๘๘ ก็คลุมพื้นที่ ๖ จังหวัดระหว่างฮานอยกับพรมแดนจีนไว้ได้ และเมื่อสงครามโลกทางแปซิฟิกใกล้ยุติ โฮจิมินห์ก็หวังว่าฝรั่งเศสจะยอมรับอิสรภาพของเวียดนามตามที่ญี่ปุ่นให้ไว้ และจะไม่มีการต่อสู้ด้วยกำลังกันอีก

                แต่สงครามโลกจบลงโดยรัฐบาลของ ชาร์ล เดอ โกลของฝรั่งเศสผู้หลบไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นต่อสู้กับกองทัพเยอรมันได้รับชัย ชนะกลายเป็นวีรบุรุษสงคราม เขาจึงถือว่าสถานะของอินโดจีนที่รัฐบาลวิซีซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นของเยอรมันได้ ตกลงอะไรเกี่ยวกับอินโดจีนไว้จะต้องกลับคืนดังเดิมเหมือนก่อนสงคราม และเดอโกลได้ส่งคนมายังเวียดนามในนามฝรั่งเศสทันที การปกครองชาวเวียดนามใต้ที่มีไซ่ง่อนเป็นศูนย์กลางและทหารมีอังกฤษคอยหนุน หลัง เป็นไปโดยง่าย แต่ต่างออกไปในเวียดนามเหนือที่คอมมิวนิสต์ปกครองส่วนใหญ่เอาไว้ และยังมีทหารจีนเข้ามายึดครองตามเมืองใหญ่อยู่ด้วย

                โฮฯ เห็นว่าอิสรภาพของเวียดนามน่าจะได้มาโดยสันติวิธีและเสนอเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๔๘๙ ว่า เวียดนามเป็นรัฐอิสระในจักรภพฝรั่งเศสทำนองรัฐอิสระในจักรภพอังกฤษ ทหารฝรั่งเศสจะมีอยู่ในเวียดนามเหนือ แต่เพียงชั่วเวลา ๕ ปีเท่านั้น และช่วยฝึกสอนชาวญวนให้ด้วย แต่วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ปีเดียวกันนั้น ข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศสผู้เป็นนายพลเรือก็ประกาศสาธารณรัฐโคชินไชน่า อันมีผลให้เวียดนามแบ่งเป็น ๒ ส่วนอีก โดยส่วนเหนือจะเป็นรัฐในอารักขา และมีทหารฝรั่งเศสเข้าไปเพิ่มเติมในเวียดนามเหนือด้วย เป็นการแสดงถึงการใช้กำลัง

                การต่อต้านมีขึ้นบ่อยครั้งจนกระทั่งวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ปีนั้นเรือลาดตระเวนฝรั่งเศสในท่าเรืองไฮฟอง ก็ยิงปืนใหญ่เข้าไปในฝูงชน มีผู้เสียชีวิตราว ๖,๐๐๐ คน วันที่ ๑๙ ธันวาคม สถานีพลังงานต่างๆในฮานอยถูกฝ่ายคอมมิวนิสต์ทำลายและเป็นสัญญาณสงคราม เวียดนามยุคใหม่ ทหารคอมมิวนิสต์ญวนหรือเวียดมินห์ก็ได้ถอนตัวออกจากฮานอยเพื่อทำการสู้รบตาม ยุทธศาสตร์ของตน

เลิศชาย ปานมุข:

                ความคิดในการปลดแอกจากการถูกปกครองของนักล่าอาณานิคม ย่อมเกิดขึ้นแก่บรรดาชาวพื้นเมืองผู้รักอิสระเสรี สำหรับเวียดนามนายพลโวเหงียนเกี๊ยพ รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและสมาชิกสภาการเมืองกลางของเวียดนามเหนือ ได้กล่าวทางวิทยุกระจายเสียงเป็นภาษาญวน เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๑๘ เวลา ๑๐.๓๐ กรีนิซ เขาได้สรรเสริญโฮจิมินห์ ความตอนหนึ่งว่า  ในต้นศตวรรษที่ ๒๐ ชายหนุ่มญวนผู้รักชาติอย่างแรงกล้าผู้หนึ่งได้พบแสงสว่างรำไรเป็นครั้งแรกใน การกู้ชาติ และชาวญวนยุคใหม่ของมนุษยชาติได้เกิดขึ้นแล้วด้วยการปฏิวัติตุลาคมของนักสังคมนิยมชาวรัสเซีย

                เหงียนอายก๊อก ผู้ต้องตกเป็นพลเมืองของประเทศราชได้พบว่า วิถีทางสมัยใหม่ที่จะช่วยขาติให้พ้นมือทรราช ก็คือ การปฏิวัติของกรรมาชีพและลัทธิเลนิน การต่อสู้ด้วยการปฏิวัติอันยาวนานกว่า ๔๐ ปี ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า วิถีทางที่เขาเลือกไว้นั้นเป็นวิถีทางเดียวที่ถูกต้องอันจะสามารถบรรลุ อิสรภาพ เสรีภาพและความผาสุกอย่างแท้จริง วิถีทางนี้ยังเป็นหนทางเดียวในการปลดแอกชาติต่างๆ นับไม่ถ้วนที่ยังตกอยู่ในเงื้อมมือของอาณานิคมและจักรวรรดินิยมอีกด้วย

                ลุงโฮ เป็นผู้รักชาติผู้ยิ่งใหญ่ ความรักชาติและพลเมืองของลุงโฮลึกซึ้งและไพศาลสุดประมาณ ท่านได้ทุ่มเทชีวิตทั้งหมดในการปลดแอกชาติและประชาชน ท่านเป็นชาวคอมมิวนิสต์ญวนคนแรก...

                ด้วยสำนึกจาก ตัวอย่างของลุงโฮผู้ยิ่งใหญ่ ชาวญวนรุ่นนี้จะดำรงเจตนารมณ์ของท่านอันเป็นเจตนารมณ์ของพรรคด้วยเช่นกันต่อ ไป ในการเสริมสร้างเวียดนามที่สงบสุข เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นอิสระ เป็นประชาธิปไตย และเป็นชาติที่ไพบูลย์สถาพร กับทั้งสนับสนุนกระตุ้นเตือนต่อการปฏิวัติของโลก..

                จะเห็นได้ว่าชาวเวียดนามได้ร่วมจิตร่วมใจกันปลดแอกจากฝรั่งเศสได้สำเร็จในช่วง หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ภายใต้ผู้นำอย่างโฮจิมินห์ผู้รักชาติบ้านเมือง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ชาติมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศสที่เป็นฝ่ายชนะสงคราม โลก จะยอมยกดินแดนที่ตนยึดครองให้หลุดมือไป แต่ประวัติศาสตร์ก็ได้บันทึกชัยชนะของชาวเวียดนามในสงครามที่เดียนเบียนฟู ขับไล่ฝรั่งเศสพ้นประเทศและสถาปนาตนเองเป็นเอกราช แต่ความสงบก็อยู่ได้เพียงไม่กี่ปี เพราะไม่นานหลังจากฝรั่งเศสเก็บกระเป๋ากล้บบ้าน ลุงแซมจอมลวงโลกก็ก้าวเข้ามารุกรานจนเกิดเป็นสงครามยืดเยื้อเป็นสิบปีไม่ ง่ายเลยที่ประเทศเล็กๆประเทศหนึ่งจะสามารถต่อสู้เพื่อปกป้องเอกราชของชาติ เขาไว้ได้ถึงสองครั้งสองคราติดๆกัน และชาติที่เขาต่อสู้ด้วยก็เป็นมหาอำนาจทั้งนั้น

                จุดประสงค์ของการศึกษาการต่อสู้เพื่อเอกราชของชาติอื่น ไม่ใช่เพื่อเอาอย่างเพราะเหตุปัจจัยของแต่ละประเทศต่างกันไป รวมถึงนิสัยของคนในชาตินั้นก็ต่างกันไป แต่สิ่งที่สำคัญในการศึกษาการต่อสู้ของชาวเวียดนามก็คือ เขามีน้ำหนึ่งใจเดียวกันร่วมรบกับศัตรูต่างชาติ

                เมื่อมองกลับมาในประเทศไทย ชาติไทยมีการร่วมใจกับรบอย่างที่เรียกว่าเอาชาติเป็นเดิมพันก็ในสงครามต่อ ต้านญี่ปุ่นโดย กองทัพใต้ดินของประชาชนทั้งชาติที่ชื่อว่า ?เสรีไทย? จาก ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยผู้เสียสละ และจากเหตุการณ์ภายนอกประเทศที่ทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้สงคราม และไทยก็รอดพ้นจากการตกเป็นฝ่ายแพ้สงครามร่วมกับญี่ปุ่น

                จากเหตุการณ์นั้นเป็นต้นมาก็ ๖๒ ปีแล้ว ที่คนไทยทั้งชาติไม่เคยได้สามัคคีต่อสุ้กับศัตรูอีกเลย เราส่งทหารไปร่วมรบกับเพื่อนบ้านอย่าง ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เพราะเพื่อนอย่างอเมริกากระซิบว่าเชื้อคอมมิวนิสต์จะระบาดเข้ามายังไทย สงครามที่เรารบกับเพื่อนบ้านก็ได้กลายมาก็เป็นสงครามกลางเมืองของไทยคือ สงครามที่รัฐต่อสู้กับประชาชนที่หนีเข้าป่าเพราะถูกไล่ล่า ใส่ร้าย ประชาชนเหล่านั้นจึงจับอาวุธขึ้นสู้และถูกประทับตราว่าเป็น คอมมิวนิสต์ สงครามปราบปรามคอมมิวนิสต์ยืดเยื้ออยู่ถึง ๑๘ ปี จนยุติลงอย่างราบคาบด้วยแผน ๖๖/๒๓

                บัดนี้คนไทยหลงลืมความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ในอดีตไปเสียสิ้น บัดนี้คนไทยมึนงงสับสนว่าต่อไปนี้เขาจะเป็นเพียงผู้อาศัยอยู่ประเทศเท่านั้น เขาทั้งหลายจะไม่มีสิทธิในการเรียกร้องอะไร เพราะสิทธิที่เขาจะมีนั้นจะมีคนชั้นบนคิดให้ วางบทให้พวกเขาทั้งหลายทำตาม ในขณะที่ประเทศอย่างเวียดนามย่อยยับจากสงครามครั้งใหญ่เมื่อ ๓๒ ปีที่แล้วเขากลับสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของเขากลับคืนมาและผลักดันให้ ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เราล่ะ ประเทศที่ไม่แพ้สงครามโลกครั้งที่ ๒ เรามีมหามิตรอย่างอเมริกา เราส่งทหารไปฆ่าเพื่อนบ้านของเรา

                บัดนี้ ๓๒ ปีหลังไซ่ง่อนแตก เราก็กำลังมุ่งไปอย่างรวดเร็วในทิศทางที่ถอยหลังต่อความเจริญของชาติ !!!

สรุปประวัติศาสตร์ของประเทศเวียดนาม

                หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงในปี พ.ศ. 2484 เวียดนามได้ประกาศที่จะต่อสู้เพื่อให้เวียดนามหลุดพ้นจากสภาพการเป็น อาณานิคมของฝรั่งเศสอย่างเปิดเผย ด้วยความต้องการที่จะเป็นเอกราช จึงได้มีการสู้รบกันอย่างหนักเป็นเวลานานถึง 8 ปี จนกระทั้งกองกำลัง เวียดมินห์ ของพรรคนิยมคอมมิวนิสต์เวียดนาม สามารถโจตีป้อมปราการสำคัญของฝรั่งเศส ที่ เดียนเบียนฟูแตกลงในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2497 วิกฤตการณ์สงครามครั้งนั้นมีทางที่จะรุกรานจนกลายเป็นสงครามระหว่างประเทศ ฝรั่งเศส ยอมรับความปราชัยและต้องสงบศึก ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการลงนามใน อนุสัญญาเจนีวา พ.ศ. 2497 ที่นคร เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีผลให้เวียดนามถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ โดยมีเส้นขนานที่ 17 องศาเหนือเป็นเส้นแบ่งเขตเวียดนามเหนือ ยึดถือการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ภายใต้การนำของโฮจิมินห์

                ต่อ มา เมื่อมีความพยายามที่จะรวมเวียดนามทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน เวียดนามเหนือจึงได้ส่งกำลังกองโจรเวียดกงเข้าก่อกวนและแทรกซึมเข้าไปใน เวียดนามใต้อย่างต่อเนื่อง โดยแฝงเข้ามาในลักษณะผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 เรื่อยมา จากนั้นได้มีการปฏิบัติรุกรานด้วยอาวุธ และกำลังทหารอย่างรุนแรง ตลอดจนโฆษณาชวนเชื่อชักจูงใจราษฎรเวียดนามใต้ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี ประกอบการดำเนินการนโยบายด้านการบริหารประเทศของรัฐบาลเวียดนามใต้ประสบความ ล้มเหลว จึงไม่สามารถต่อต้านได้เพียงลำพังตนเอง และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากมิตรประเทศฝ่ายโลกเสรี

                เมื่อปี พ.ศ. 2508 เวียดนามใต้ตกอยู่ในจุดล่อแหลมที่สุดจนรัฐบาล สหรัฐอเมริกาได้ส่งกำลังทหารเข้าไปปฏิบัติการในเวียดนามใต้พร้อมด้วยกำลังทหารของพันธมิตรอีก 6 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สเปน ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และประเทศไทย ซึ่งผลออกมาก็คือการพ่ายแพ้ของสหรัฐฯ ทำให้ 2 ประเทศรวมเข้าด้วยกันในนามของประเทศเวียดนามที่มีการปกครองระบอบสาธารณรัฐ สังคมนิยมที่ปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์ดั่งเช่นการปกครองของเวียดนามเหนือ

                วันที่ ๒ กันยายน ๒๔๘๘ แม้ว่าฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ชนะสงครามจะตกลงกันให้จักรภพอังกฤษและทหารจีนคณะ ชาติเข้ายึดครองอินโดจีนเอาไว้คอยฝรั่งเศสกลับมาก็ตาม แต่ด้วยความเชื่อมั่นว่าตนมีความเข้มแข็งพอแล้ว โฮจิมินห์ในฐานะประธานพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ยืนขึ้นบนเฉลียงตึกโรงละคร แบบฝรั่งเศสในกรุงฮานอย เคียงข้างเขาเป็นธงสีแดงมีรูปดาวสีเหลือง ๑ ดวงตรงกลาง ประกาศอิสรภาพเวียดนามว่า

               ทุกคนถือกำเนิดเท่าเทียมกัน มีสิทธิเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง สิทธิเหล่านี้ได้แก่สิทธิแห่งการดำรงชีวิต มีเสรีภาพ และแสวงหาความสุข?

                แต่เพียงปีกว่าให้หลัง โฮฯ ก็พาพรรคพวกออกจากกรุงฮานอย และระบุชื่อข้าศึกของญวนอย่างชัดเจน คือฝรั่งเศส โฮคิดว่าเขาคงจะทำสงครามกับฝรั่งเศสเท่านั้น และไม่เคยคิดที่จะทำสงครามกับชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก คือสหรัฐอเมริกา

                จะเห็นได้ว่าชาวเวียดนามได้ร่วมจิตร่วมใจกันปลดแอกจากฝรั่งเศสได้สำเร็จในช่วง หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ภายใต้ผู้นำอย่างโฮจิมินห์ผู้รักชาติบ้านเมือง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ชาติมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศสที่เป็นฝ่ายชนะสงคราม โลก จะยอมยกดินแดนที่ตนยึดครองให้หลุดมือไป แต่ประวัติศาสตร์ก็ได้บันทึกชัยชนะของชาวเวียดนามในสงครามที่เดียนเบียนฟู ขับไล่ฝรั่งเศสพ้นประเทศและสถาปนาตนเองเป็นเอกราช แต่ความสงบก็อยู่ได้เพียงไม่กี่ปี เพราะไม่นานหลังจากฝรั่งเศสเก็บกระเป๋ากล้บบ้าน ลุงแซมจอมลวงโลกก็ก้าวเข้ามารุกรานจนเกิดเป็นสงครามยืดเยื้อเป็นสิบปี

                - ไม่ง่ายเลยที่ประเทศเล็กๆประเทศหนึ่งจะสามารถต่อสู้เพื่อปกป้องเอกราชของชาติ เขาไว้ได้ถึงสองครั้งสองคราติดๆกัน และชาติที่เขาต่อสู้ด้วยก็เป็นมหาอำนาจทั้งนั้น

                - จุดประสงค์ของการศึกษาการต่อสู้เพื่อเอกราชของชาติอื่น ไม่ใช่เพื่อเอาอย่างเพราะเหตุปัจจัยของแต่ละประเทศต่างกันไป รวมถึงนิสัยของคนในชาตินั้นก็ต่างกันไป แต่สิ่งที่สำคัญในการศึกษาการต่อสู้ของชาวเวียดนามก็คือ เขามีน้ำหนึ่งใจเดียวกันร่วมรบกับศัตรูต่างชาติ

                การต่อสู้อย่างกล้าหาญของเราต่อสหรัฐอเมริกา ผู้รุกราน เราจะพบกับความยากลำบากและเสียสละอย่างสูง แต่เราเชื่อมั่นว่า เราจะชนะในที่สุด และนั่นเป็นความจริงอย่างแท้จริง?

                โฮจิมินห์คงคิดไม่ถึงว่า ?เราจะชนะในที่สุด? ไม่นานอย่างที่เขาคิด เพราะเพียง ๖ ปีหลังจากเขาถึงแก่กรรม สหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดีกล่าวเองว่า สหรัฐอเมริกาสูญเสียเวียดนามแล้ว

แนวความคิดทางการเมืองโฮจิมินห์

                - ทุกคนถือกำเนิดเท่าเทียมกัน มีสิทธิเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง สิทธิเหล่านี้ได้แก่สิทธิแห่งการดำรงชีวิต มีเสรีภาพ และแสวงหาความสุข?

                - ในปี พ.ศ. 2502 สงครามเวียดนามได้อุบัติขึ้น สหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรอื่นๆ ก็ได้เข้าร่วมสงครามด้วย แต่ผลสุดท้ายเวียดนามเหนือเป็นฝ่ายชนะในปี พ.ศ. 2518 แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่โฮจิมินห์มิได้อยู่ถึงการชื่นชมชัยชนะในปี พ.ศ. 2518 ด้วยเหตุที่ว่าเขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2512 ที่บ้านพักในกรุงฮานอย

                - ความคิดในการปลดแอกจากการถูกปกครองของนักล่าอาณานิคม ย่อมเกิดขึ้นแก่บรรดาชาวพื้นเมืองผู้รักอิสรเสรี สำหรับเวียดนาม

                - ทุกคนถือกำเนิดเท่าเทียมกัน มีสิทธิเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง สิทธิเหล่านี้ได้แก่สิทธิแห่งการดำรงชีวิต มีเสรีภาพ และแสวงหาความสุข?

สรุป

                โฮจิมินห์  คือนักปฏิวัติชาวเวียดนาม ซึ่งในภายหลังได้กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม (เวียดนามเหนือ) หลังจากสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม ไซ่ง่อน เมืองหลวงเก่าของเวียดนามใต้ ได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นโฮจิมินห์ซิตี เพื่อเป็นเกียรติแก่โฮจิมินห์

ผลต่อยุคปัจจุบัน

                - มีสิทธิเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง สิทธิเหล่านี้ได้แก่สิทธิแห่งการดำรงชีวิต มีเสรีภาพ และแสวงหาความสุข?

                - ความคิดในการปลดแอกจากการถูกปกครองของนักล่าอาณานิคม ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร รักอิสระ เสรี

หมายเหตุ

                ไซ่ง่อน ในอดีตเคยเป็นเมืองในการปกครองของ เขมร มาก่อน ต่อมาเมื่อแยกเป็น ประเทศเวียดนาม ไซ่ง่อนเป็นเมืองหลวงของ เวียดนามใต้ เมื่อเวียดนามเหนือยึดได้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น โฮจิมินห์ซิตี ตามชื่อผู้นำเวียดมินห์ คือ โฮจิมินห์

อ้างอิง

แนวคิดปรัชญาทางการเมือง  เอกสารประกอบการเรียน  มหาบัณฑิต 2535

ที่มา  : บล็อคโอเคเนชั่น

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

Go to full version